Bclink มองแม้อัตราการเกิดใหม่ต่ำ แต่สินค้าแม่และเด็ก Premium Segment ยังเติบโตต่อ พร้อมลุยงาน Kind + Jugend ASEAN 2024 โชว์นวัตกรรมความยั่งยืน

Bclink ผู้ผลิตสินค้าแม่และเด็กภายใต้แบรนด์ Granny Ben, Baby & Co., Saeson Baby และร้านค้า The Little Store ประเมินแม้อัตราการเกิดใหม่ต่ำ แต่สินค้าแม่และเด็ก Premium Segment ยังเติบโตต่อ พร้อมลุยงาน Kind + Jugend ASEAN 2024 ระหว่างวันที่ 25-27 เม.ย. 67 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โชว์นวัตกรรมความยั่งยืนของผ้าอ้อม “ใยเทนเซล” ทำจากต้นยูคาลิปตัสที่ปลูกในป่าปิด

นายพงศ์ปิติ ศรีพลแผ้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีซี ลิงค์ จำกัด  กล่าวว่า ปัจจุบันเรามีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าแม่และเด็ก รวมถึงการเป็น Distributor พวกคาร์ซีท รถเข็นเด็ก หรือสินค้าที่เกี่ยวกับแม่และเด็กจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่เลือกเราเป็นผู้แทนจัดจำหน่ายในประเทศไทย  สำหรับสินค้าที่เราผลิตอยู่ภายใต้บริษัทได้แก่แบรนด์ Granny Ben แบรนด์ Baby & Co. แบรนด์ Saeson Baby แบรนด์หน้ากากอนามัยแบบผ้า Medtex Thailand และร้านค้าที่รวบรวมสินค้าแม่และเด็กที่มีคุณภาพอย่าง The Little Store ที่มีแบรนด์สินค้าให้เลือกมากกว่า 150 แบรนด์

แต่เดิมเราทำธุรกิจผลิตสิ่งทอมามากกว่า 60 ปี เรียกได้ว่าคลุกคลีกับวงการนี้ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าทอผ้า ย้อมผ้า พิมพ์ผ้า แบบครบวงจร ซึ่งเรามีทั้งส่งออกและส่งต่อให้ซัพพลายส่งต่อไปขายให้กับแบรนด์ต่างๆ มากมายทั่วโลกทั้งในไทยและต่างประเทศ ช่วงปี 2020 หรือ ช่วงโควิด โรงงานเราก็ทำหน้ากากผ้าเพราะช่วงนั้นออเดอร์ไม่เข้า พอไม่นานเราก็เริ่มมองเห็นว่าหน้ากากผ้าก็อาจจะอยู่ได้ไม่นานจึงหันมาทำจริงจังมากขึ้นด้วยการผลิตผ้าอ้อมเสื้อผ้าของใช้สำหรับเด็กในแบรนด์ Granny Ben

“เราอยู่วงการนี้มายาวนาน สะสมประสบการณ์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมสิ่งทอ เราก็พอมองเห็นช่องทางการตลาดอยู่ ประกอบกับน้องสาว และตัวผมเองเริ่มมีลูก พอเราหาซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเด็กๆ ไปห้างบ้าง ไปเดิมตามงานแฟร์ต่างๆ ก็เริ่มเห็นของใช้ของเด็กโดยเฉพาะพวกผ้าอ้อมซึ่งส่วนใหญ่เป็นผ้าคอตตอนธรรมดา แต่เรารู้ดีว่ามีเนื้อผ้าที่ดีกว่านี้ และใช้กับเด็กได้ดี ไม่อันตราย เช่น ใยเทนเซลที่ทำจากต้นยูคาลิปตัสซึ่งปลูกในป่าปิด ทำให้เส้นใยมีความนุ่มพิเศษ และ เส้นใยมีความแข็งแรง ซึมซับน้ำได้ดีแห้งไว และด้วยความที่เป็นผู้ผลิต เราจึงคิดที่จะพัฒนาสินค้าจนกลายเป็นแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา”

นอกจากจุดแข็งเรื่องอุตสาหกรรมทอผ้าที่เรามีแล้ว สิ่งที่เราต้องพัฒนาต่อคือการดีไซน์แบรนด์ดิ้ง แพ็คเกจจิ้งต่างๆ และเล่าที่มาของแบรนด์ Granny Ben ซึ่งเป็นเรื่องราวของคุณยายก็คือคุณแม่ของพวกเราที่อยู่วงการทอผ้ามากว่า 30 ปีและอยากทำสิ่งที่ดีที่สุดให้หลานได้ใช้ นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยกับแม่และเด็กเป็นพิเศษ และกระบวนการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเพื่อสินค้าของเราตอบโจทย์เทรนด์โลกในปัจจุบันและอนาคต

ทั้งนี้จะเห็นได้ชัดว่า ทาร์เก็ตลูกค้าของเรา คือ Premium Segment คนที่หาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก ให้กับหลาน ซึ่งก็ตอบโจทย์เทรนด์ของตลาดในตอนนี้ิที่คนมีลูกกันน้อยลง อัตราการเกิดต่ำลงเรื่อย ๆ แต่เท่าที่เรามอนิเตอร์ตลาดเราจะเห็นได้เลยว่า หลายคนเริ่มวางแผนครอบครัว ถ้าหากจะมีลูกก็ต้องมองหาสิ่งที่ดีที่สุดของลูก โดยเฉพาะตลาดพรีเมี่ยมเซ็กเมนต์ ซึ่งสินค้าที่มีของเราทั้งหมดตอบโจทย์ในกลุ่มดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

นายพงศ์ปิติ กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากสินค้าที่เราผลิตเองแล้ว เรายังเป็นดิสบิวเตอร์ให้กับสินค้าแม่และเด็กอีกหลากหลายแบรนด์ ซึ่งส่วนหนึ่งเราก็ได้พาร์ทเนอร์จากงาน Kind + Jugend ที่จัดทั้งที่ไทย และต่างประเทศ โดยสินค้าที่เรานำเข้ามานั้นจะเข้ามาเติมเต็ม Ecosystem ในไลฟ์สไตล์ของลูกค้าของเรา ขณะเดียวกันข้อดีของการได้ร่วมงานแฟร์ต่างๆ รวมไปถึงงาน Kind + Jugend ASEAN 2024 นอกจากจะได้พรีเซ็นต์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรือการเจรจาธุรกิจแล้ว เรายังได้เห็นเทรนด์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าแม่และเด็กเพื่อนำมาพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ Bclink ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

“เราอยากให้ลูกค้าทุกคนได้มั่นใจว่าสินค้าของเราได้รับการยอมรับในระดับ Global Standard ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความยั่งยืน (Sustainability) รวมไปถึงความปลอดภัย (Safety) ที่เรามีตัวชี้วัดมาตรฐาน (Benchmark) ระดับโลก ซึ่งเราไม่ได้มองแค่การแข่งขันแค่ในประเทศเท่านั้น แต่เรายังมองถึงแบรนด์ทั่วโลกด้วยเพืิ่อให้สินค้าของเราเติบโตต่อไปในอนาคต”