The Old School คาเฟ่แนวสเปเชียลตี้ กาแฟสายแข็ง VS ขนมสายหวาน ย่านบางใหญ่ นนทบุรี

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้ ‘วันดีดี’ จะพาทุกคนไปร้านกาแฟที่เขาลือกันว่าดีที่สุดในย่านบางใหญ่ นนทบุรี ร้านนี้เค้าเป็นที่รู้จักของบรรดานักชิมกาแฟระดับพรีเมี่ยมมากว่า 2 ปีแล้ว ปกติถ้าเราอยากทานกาแฟรสชาติดีๆ เราจะนึกถึงร้านกาแฟดังๆ ในเมืองใช่ไหมคะ แต่วันนี้เราจะชวนคนเมืองออกมาชิมกาแฟดีๆ แถบชานเมืองกันบ้าง แต่เอาจริง ร้านนี้ก็ไม่ไกลปืนเที่ยงขนาดนั้นหรอกค่ะ ไม่ได้ลึกลับซับซ้อน จนต้องปักหมุดกูเกิลแมพตามหาให้วุ่นวาย เพราะร้านเค้าอยู่ติดถนนกาญจนาภิเษก เยื้องกับห้างเซ็นทรัล เวสต์เกต บางใหญ่ แค่นี้เอง เดินทางสะดวกด้วยรถยนต์หรือรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง อยู่ระหว่างสถานีตลาดบางใหญ่กับคลองบางไผ่

พิกัดร้าน: https://goo.gl/maps/PaWLHTDnYMS2

ก่อนที่เราจะพาทุกคนมาเช็คอินที่ The Old School เราแอบไปส่องหน้าเพจของเค้ามาแล้วค่ะ โอ้! บรรยากาศร้านสวยมาก เมนูกาแฟก็มีให้เลือกหลากหลาย เมนูขนมหวานไม่ต้องพูดถึง หน้าตาน่ากินทุกเมนูเลย เรียกว่า The Old School  เป็นคาเฟ่สาย Specialty Coffee และขนมแนว French Pastry ที่ดังที่สุดในย่านนี้เลยค่ะ

เรามาจอดรถที่ด้านหลังร้าน ซึ่งจอดรถได้ประมาณ 15 คัน จากนั้นก็เดินไปเข้าทางด้านหลังของร้าน ซึ่งเขาตกแต่งประตูเป็นซุ้มดอกไม้สีสันสวยงามมาก ว้าว! ชักเริ่มตื่นเต้นแล้วสิ พอเดินเข้ามาด้านในก็จะพบกับสวนสไตล์อังกฤษกึ่งโคโลเนียล บรรยากาศร่มรื่นดีจัง ส่วนด้านหลังเป็นสวนสไตล์ทรอปิคอลเอเชีย มีเฟิร์นก้านดำหลากหลายสายพันธุ์ มีน้ำตก ปลากคาร์ฟ ช่วงบ่ายแบบนี้มีลูกค้าหลายคนเข้ามาจับจองพื้นที่นั่งในสวนเกือบเต็มแล้วค่ะ

พอผลักประตูเข้ามาข้างในร้านก็ตกใจเล็กน้อย ลูกค้าเยอะเหมือนกัน นี่ขนาดอยู่ในช่วงโควิดนะ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ ทางร้านเค้ามีมาตรการป้องกันโควิด-19 เต็มที่ ไม่ว่าจะการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าร้าน มีเจลแอลกอฮอล์ให้ล้างมือ และการเว้นระยะห่างของที่นั่งในร้าน เข้าใจว่ายามปกติลูกค้าคงจะเต็มพื้นที่แน่นอน

ตัวร้านไม่ใหญ่มากค่ะ รวมพื้นที่ทั้งโซนด้านนอกและด้านในประมาณ 200 ตารางวา รองรับลูกค้าได้ประมาณ 40 คน ภายในร้านตกแต่งสไตล์โอลด์ยุโรปมีกลิ่นอายของโคโลเนียลนิดๆ สมชื่อ The Old School ไม่ว่าจะเป็นโซฟาหนังแท้สุดคลาสสิคจากอิตาลี่ ในโทนดำ-น้ำตาล และเฟอร์นิเจอร์ไม้เรียบเก๋ บริเวณโซนที่นั่งตกแต่งเป็นเหมือนเรือนกระจก ล้อกับสวนด้านนอก เปิดรับแสงธรรมชาติจากด้านนอก ทั้งจากหลังคาและด้านข้าง ร้านนี้มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก ถูกใจสายโซเชียล แชะ แชร์ แน่นอน บรรยากาศร้านให้เต็มสิบเลยค่ะ

ทางด้านซ้ายมือของร้านเป็นคอฟฟี่บาร์แบบเปิดโล่ง ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ของร้านเลยก็ว่าได้ เป็นที่ตั้งของกองบัญชาการ เอ้ย! เหล่าบาริสต้าที่กำลังง่วนอยู่กับการปรุงกาแฟให้ลูกค้า ใครสนใจเรื่องกาแฟแนะนำให้จับจองเก้าอี้หน้าบาร์คอฟฟี่ แค่ได้ชมบาริสต้าเอ้ย! ชมวิธีการปรุงกาแฟของบาริสต้าก็เพลินแล้วค่ะ ยิ่งได้กลิ่นหอมๆ ของกาแฟอบอวลรอบตัวแบบนี้ ฟินเลย…ส่วนด้านหน้าเคาน์เตอร์เป็นตู้โชว์ขนมหวานที่หลอกล่อสาวสายหวานให้ติดกับด้วยรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม ไม่เหมือนใคร เพราะเป็นขนมหวานที่ครีเอทขึ้นโดย ‘เชฟพีม’  เชฟขนมหวานเฉพาะของที่นี่ค่ะ

วันนี้เราได้พบกับ ‘คุณอ๊อฟ – ณัฐกิตติ์ ชวินอัคราวัฒน์’ ตัวจริงเสียงจริง เจ้าของร้านกาแฟสเปเชียลตี้ย่านบางใหญ่ นนทบุรี ที่มักจะประจำการคอยต้อนรับลูกค้าด้วยตัวเองเสมอ และคอยแนะนำลูกค้าเรื่องกาแฟอย่างเป็นกันเอง เพราะที่นี่เขามีเมนูกาแฟกว่า 50 ตัว ถ้าคุณนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นที่ไหน คุณอ๊อฟและน้องๆ บาริสต้าจะคอยแนะนำให้คุณได้ลิ้มลองกับกาแฟที่เหมาะกับคุณเองค่ะ

“เราเป็นร้านที่ไม่ปรับเข้าหาลูกค้า ลูกค้าส่วนใหญ่ปรับเข้าหาเรา” คุณอ๊อฟตอกย้ำถึงจุดยืนของทางร้าน “ทุกเมนูในเครื่องดื่มของเรา เราจะไม่ใส่ไซรัปหรือสารให้ความหวานเลย เราจะปรุงจากสัดส่วนที่พอเหมาะ ทั้งนม น้ำ หรือว่าน้ำผลไม้ที่เราใส่เข้าไป จะเน้นคาแรกเตอร์ของกาแฟนั้นๆ” คุณอ๊อฟอธิบายคอนเซ็ปต์ชัดเจนขนาดนี้แล้ว เพราะฉะนั้นมาร้านนี้อย่าสั่งกาแฟหวานมันนะ เค้าไม่มีบริการค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนกาแฟที่ต้องการเสพรสชาติกาแฟแท้ๆ ส่วนใหญ่เป็นวัยกลางคน อายุ 30-60 ปี แต่สายสวย สายหวาน (อย่างเรา) ก็มาได้ค่ะ เพราะทางร้านเขามีเครื่องดื่มแบบ non coffee สูตรของทางร้านเอง ซึ่งบอกเลยว่าดีงามมาก หรือจะมาถ่ายรูปร้านสวยๆ มาทานขนมอร่อยๆ ก็ได้เหมือนกัน เพราะขนมที่นี่เขาติดอันดับความอร่อยไม่น้อยหน้าใครในย่านนี้เลยค่ะ 

คุณอ๊อฟบอกว่า The Old School เป็นร้านกาแฟแนว Specialty Coffee ที่ให้ความสำคัญกับกาแฟเป็นอันดับหนึ่ง ทางร้านมีกาแฟ House Blend รสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้เลือก 3 ตัว คือ First Time Blend, Yao Yuan Blend (เย้ายวน) และ The Old School Blend หาโอกาสมาลองให้ครบทุกแบบนะคะ รวมถึงกาแฟ Single Origin เกรด Specialty สำหรับทำ Drip, Syphon, Cold Brew, Dutch Coffee  หรือแม้กระทั่งกาแฟเกรดที่เค้าใช้แข่งขันกัน ประกวด ประมูล ก็สามารถหาได้จากที่นี่ คอกาแฟต้องคอยติดตามเพจของทางร้านอย่างใกล้ชิดว่าจะมีกาแฟเด็ดตัวไหนเข้ามาบ้าง

สิ่งที่ทางร้านให้ความสำคัญมากที่สุดคือการชงกาแฟให้ได้รสชาติที่แท้จริงของกาแฟแต่ละตัว ด้วยการลงทุนกับเครื่องชงกาแฟที่ทันสมัยที่สุดในโลกอย่าง Lamarzocco Modbar  ราคา 1.3 ล้านบาท เป็นเครื่องที่สามารถสกัดช็อตกาแฟให้มีความหอมละมุนและสมบูรณ์แบบที่สุด “เครื่องนี้สามารถปรับโปรไฟล์ได้เป็นร้อยเลยครับ ถ้าเจอกาแฟแปลกๆ หรือคาแรกเตอร์ใหม่ๆ อย่างกาแฟตัวเดียวกัน บางร้านชงได้แค่เท่านี้ แต่ของเราอาจจะดึงอโรม่าได้ชัดกว่า ดึงกลิ่นออกมาได้ดีกว่า ดึงความหวานในกาแฟได้ดีกว่า” นอกจากสกัดกาแฟได้ดีที่สุดแล้ว เครื่องนี้ยังเป็นแบบ Under Counter คือตัวเครื่องที่ใหญ่เทอะทะจะถูกซ่อนอยู่ใต้เคาน์เตอร์ เพื่อให้บาริสต้าสามารถพูดคุยและแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องกาแฟกับลูกค้าได้อย่างเป็นกันเอง เป็นการสร้างมิติใหม่ของวงการกาแฟไทยอีกระดับหนึ่ง

ทางร้านยังใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างแก้วกาแฟ ทางร้านจะเลือกอย่างพิถีพิถัน เพื่อเพิ่มอรรถรสในการดื่มกาแฟแต่ละตัว เช่น แก้วอเมริกาโน่เย็น จะออกแบบเป็นแก้วทรงทิวลิป เพื่อเวลายกดื่มจะได้กลิ่นอโรมาที่ชัดขึ้น  “แก้วที่เราใช้แต่ละใบ ราคาใบละ 600-800 บาทขึ้นไป กาแฟเย็นแต่ละเมนู แก้วไม่เหมือนกันเลย ส่วนแก้วร้อนก็จะเป็นแก้วพอร์ซเลนที่ใช้กับการแข่งขันเวิลด์บาริสต้าทุกตัว เพราะแก้วพอร์ซเลนสามารถเก็บอุณหภูมิได้ดี และต้องเป็นแก้วเฉพาะของเมนูนั้นๆ ด้วย”  เรียกว่าใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่คุณอ๊อฟบอกว่าจากที่ตั้งใจจะเปิดร้านกาแฟธรรมดาๆ ลงทุนไม่กี่ล้านบาท กลายเป็นร้านกาแฟ Specialty Coffee ที่ลงทุนไปเกือบ 10 ล้านบาท!

แต่เหนืออื่นใด ไม่ว่าเครื่องทำกาแฟจะแพงแค่ไหน เมล็ดกาแฟจะดีเลิศเพียงใด ถ้าขาดผู้เชี่ยวชาญในการปรุงกาแฟก็คงไม่มีความหมาย คุณอ๊อฟจึงให้ความสำคัญกับ ‘คน’ มากที่สุด “เราคัดเมล็ดกาแฟเข้าร้านเอง เราเลือกโรงคั่ว เลือกคนคั่วกาแฟฝีมือดี และมีทักษะในการสกัดกาแฟที่ดีที่สุด น้องๆ บาริสต้าที่นี่ทุกคนต้องผ่านการเทรน และทุก 3 เดือนเราก็จะไปสอบวัดผล แต่ละคนก็จะมีสกิลตามมาตรฐานของ SCA (Specialty Coffee Association) เราจึงมั่นใจว่าเราเป็นร้านเดียวในย่านนี้ที่ทำกาแฟออกมได้ดีที่สุด” 

คุณอ๊อฟบอกว่าทางร้านมีเมนูกาแฟทั้งหมด 50 ตัว สำหรับ Single Origin Coffee เราจะมี 5-6 ตัว หมุนไปเรื่อยๆ อาทิ COLOMBIA ROSE VALLEY Double Anaerobic Yeast Washed, COLOMBIA SANTA LUCIA Barrel Aged Process, PANAMA JANSON GEISHA Natural Process, COLOMBIA RUM BARREL Washed & Rum Barrel, THAILAND DOI PANG KHON Honey Process) มีทั้งเกรดประกวด เกรดประมูล และเกรดแข่งขัน ให้เลือกแบบพรีเมียมจริงๆ  

สำหรับคนที่อยากจะลองเปิดประสบการณ์ความแปลกใหม่ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง พนักงานที่นี่ยินดีให้คำแนะนำค่ะ  “พนักงานเราจะถูกเทรนให้เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า และจะแมทชิ่งคาแรกเตอร์ของลูกค้าและคาแรกเตอร์ของกาแฟ ออกมาเป็นเมนูที่จะเสิร์ฟให้ลูกค้า” แต่ถ้ายังไม่รู้จะสั่งอะไร คุณอ๊อฟแนะนำให้ลองสั่ง ‘ลาเต้ร้อน’ เมนูง่ายๆ ที่ทุกคนคุ้นเคย ซึ่งที่นี่จะเปรียบเทียบให้คุณเห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่การสกัดกาแฟด้วยเครื่อง Espresso Machine ที่ทันสมัยที่สุดในโลก ทำให้ได้ Perfect Shot ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ให้กลิ่นหอมละมุน และด้วยเทคนิคการสตีมนมที่ฝึกฝนมาอย่างชำนาญ ทำให้นมสดจืดเป็นโฟมนมอุ่นๆ ที่เนียนนุ่ม หวานละมุนขึ้น (น้ำตาลเเล็กโตสเปลี่ยนเป็นกาแล็กโตส) เข้ากันดีกับกาแฟอย่างละมุนละไม

ส่วนเมนูแนะนำของทางร้าน คือ  Dirty คุณอ๊อฟบอกว่าหน้าตามันจะออกแนวดาร์กๆ สมชื่อ แต่รสชาติดื่มแล้วต้องกรี๊ด เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของนม ชาเขียว และเอสเพรสโซ่ เป็นเมนูที่แนะนำว่าต้องมาทานที่ร้านถึงจะได้อรรถรสที่แตกต่าง เพราะต้องยกดื่มคำใหญ่ๆ ให้ครบทุกเลเยอร์ของนม กาแฟ มัทฉะ เข้าไปผสมรวมกันในปากก่อนกลืน เพื่อสัมผัสกับรสชาติที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร

Amandarin เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของกาแฟ ชา และน้ำผลไม้ โดยนำน้ำส้มแมนดารินและพีชคั้นสดใหม่ ผสมชาเอิร์ลเกรย์ เติมด้วยกาแฟเอสเพรสโซ่เข้มๆ ท็อปด้วยบลูเบอร์รี่สด ตกแต่งด้วยส้มแมนดารินและโรสแมรี่หอมๆ เสิร์ฟมาในแก้วทรงสูง เมนูนี้ได้ทั้งความเข้มของกาแฟ ความเปรี้ยว-หวานของผลไม้ และยังสวยงามเข้าตากรรมการ อย่าลืมสั่งมาถ่ายรูปอัพลงโซเชียลกันรัวๆ นะทุกคน  

ใครไม่ทานกาแฟอย่าเพิ่งถอยกลับค่ะ ทางร้านมีเครื่องดื่มอื่นให้เลือกหลายหลาย เช่น Rubis, Emotion, La Mela, Momo เครื่องดื่มผสมโซดาทานแล้วสดชื่นมากๆ ค่ะ หรือจะเป็นตระกูลชา เช่น Iced Milk Tea, Iced Lemon Tea, Iced-Hot Yuri Matcha ก็เด็ดไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังมีม็อกเทลสูตรพิเศษ To the beach และ Sunset ที่ไม่ต้องไปถึงทะเลก็นั่งจิบในสวนชิลล์ๆ ได้

เรื่องกาแฟยังมีเรื่องราวให้พูดคุยกันอีกมากมายไม่รู้จบ แต่ขอเบนเข็มมาเอาใจสาวๆ กันหน่อย ด้วยเมนู ‘ขนมหวาน’ ที่ดีงามที่สุดในย่านนี้ คนรักขนมหวานห้ามพลาด!!

‘เชฟพีม’

อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าขนมของร้านนี้เป็นฝีมือของ ‘เชฟพีม’ พูนเพิ่ม เลิศวิจิตรานนท์ เชฟขนมหวานชื่อดังที่เคยผ่านแข่งขันรายการ Sweet Chef Thailand มาแล้ว เขาเคยเป็นเชฟที่ห้องอาหารเมซซาลูน่า โรงแรมเลอบัว ที่ได้มิชลิน 2 ดาว ก่อนที่จะมาประจำการที่ The Old School ปั้นแต่งขนมหวานหน้าตาหล่อเอ้ย!ดีมาประมาณปีกว่า   

“ขนมร้านเราเป็นสไตล์เฟรนช์ เพรสตี้ ที่ได้เชฟฝีมือดี ‘เชฟพีม’ ซึ่งมาเป็นเพรสตี้เชฟให้ทางร้านเรา เรามีขนมให้เลือกมากมาย โดยขนมแต่ละตัวจะมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟ แต่ละตัวให้รสชาติที่ซับซ้อนและมีมิติ” คุณอ๊อฟบอกว่า “ถ้าหากจะนิยามขนมของ The Old School คงจะไม่พ้นคำว่า Artisan Finest Pastry ซึ่งมีความหมายว่า ขนมอบรสชาติดีที่สุดที่รังสรรค์ด้วยความพิถีพิ ถันวัตถุดิบทุกชนิดที่นำมาใช้ เชฟได้คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดมาไว้ในเค้กทุกๆ ชิ้น”

วันนี้เชฟพีมจัดเมนูเค้กมาให้เราลิ้มลองกว่าสิบชนิด แต่ละเมนูสวยจนไม่กล้าทาน ไม่ว่าจะเป็น Surprise Box ที่ทำเป็นรูปกล่องของขวัญผูกโบว์สีขาว Tom & Jerry ทำเป็นรูปเนยแข็งสีเหลืองเหมือนชีสมาก เราชอบ Poison Mushroom ที่ทำเป็นรูปหัวเห็ด น่ารักมากๆ และ Cointreau ที่ทำเป็นรูปผลส้มได้เหมือนมาก

ใครชอบช็อกโกแลตบอกเลยว่ามี Dark Chocolate Series ให้เลือกฟินถึง 3 แบบ The Old School Series, Dark Chocolate Series. Black Forest และยังมีเค้กหน้าตาน่ากินอีกหลายตัว เช่น Blueberry Cheese Tart, Cosmic เป็นต้น ซึ่งทางร้านบอกว่าจะมีการเปลี่ยนเมนูทุกซีซัน ขนมที่นี่ใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมียม คุณภาพระดับ 5 ดาว แต่ราคาแค่หลักร้อยเท่านั้นค่ะทุกคน  

เมนูขายดีของร้าน คือ Tom & Jerry ชีสเค้กที่ผสมผสานกันระหว่าง White Chocolate กรอบๆ Cream Cheese นุ่มๆ และส้มยูซุและส้มแมนดารินฉ่ำๆ อย่างลงตัว น่าทานมากๆ กัดเข้าไปจะมีความหอมของส้มยูซุ ความเข้มข้นของครีมชีส และความนุ่มนวลของวานิลลาสายพันธุ์มาดากัสก้า  

อีกหนึ่งตัวที่อยากแนะนำให้ทุกคนลองทาน Yuzu Tart เคิร์ดส้มยูซุเปรี้ยวฉ่ำสดชื่น กับเมอร์แลงนุ่มๆ ชุ่มลิ้น และแป้งทาร์ตกรอบๆ เข้ากันได้ดีอย่างลงตัว เวลาทานให้ตักทานเลเยอร์บน กลาง ล่างพร้อมๆ กัน ฟินมากๆ

Cointreau (ส้ม) เป็นเค้กที่มหัศจรรย์มากมีความซับซ้อนหลายมิติ ด้านในลูกส้มจะมีทั้งหมด 3 เลเยอร์ ชั้นล่างสุดเป็น Dark Chocolate Ganache ที่ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนมาก ชั้นกลางเป็นเนื้อส้มแมนดารินนำไปแช่ในน้ำเชื่อมลิ้นจี่ข้ามคืน ชั้นบนจะเป็นเจลลี่ส้มแมนดาริน เปลือกด้านนอกเคลือบด้วย White Chocolate ที่เชฟนำผิวส้มนาเวล infused ลงไปข้ามคืน ฐานด้านล่างสุดนำ Cornflake ไปผัดในกระทะกับน้ำตาลทรายแดงจนเป็นสีคาราเมลเคลือบทั่วคอนเฟล็กและเคลือบทับอีกชั้นด้วย Mi-Amere 58% (Dark Chocolate)

ข่าวดีสำหรับสายหวาน อีกประมาณหนึ่งเดือน คุณอ๊อฟจะเพิ่มพื้นที่ในส่วนของเพรสตี้ เบเกอรี่ในสวน ทำเป็น ‘Pastry Room’ โดยเฉพาะเลย พร้อมกับตกแต่งสวนใหม่ทั้งหมด  “เรากำลังจะขยับขยายจากสเปเชียลตี้คอฟฟี่เป็นเพรสตี้คาเฟ่ด้วย จะดันตัวขนมให้มันดังขึ้น” สายหวานอย่างพวกเราเตรียมรอเลยค่ะ

สำหรับคนที่อยากเปิดประสบการณ์ในการทานกาแฟคุณภาพดี คุณอ๊อฟบอกว่าอยากให้ลองมาทานที่ The Old School เพื่อสัมผัสการดื่มกาแฟอย่างแท้จริง ส่วนใครไม่ทานกาแฟก็มีเมนูนอนคอฟฟี่ที่ทางร้านออกแบบเองให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า “สำหรับลูกค้ามือใหม่ สั่งกาแฟยังไม่ถนัด เราก็มีทีมงานไว้คอยอธิบาย คอยบอกว่ากาแฟแต่ละตัวมีคาแรกเตอร์ยังไง เหมาะกับลูกค้าแต่ละประเภท แต่ละแบบเลยครับ”

สำหรับตอนนี้ คุณอ๊อฟฝากบอกว่า ในช่วงล็อกดาวน์ 30 วัน ลูกค้ายังไม่สามารถนั่งทานในร้านได้ ทางร้านปรับลดราคาเมนูกาแฟ Espresso Menu เหลือ 80 บาท ทุกเมนู ทั้งร้อนและเย็น ยกเว้น Yao-Yuan Blend ขอเพิ่มอีก 20 บาท เป็น 100 บาท ตั้งแต่วันนี้ 28 ก.ค. 64 รีบเลยนะคะ

The Old School : Specialty Coffee