ประสบการณ์ความสุขเหนือจินตนาการบนโต๊ะอาหาร Digital Art Fine Dining โดย Digital Delicious
เชื่อว่าครั้งหนึ่งทุกคนต้องเคยฝันว่าได้เดินทางท่องไปในดินแดนที่สวยงาม เหนือจินตนาการ แต่ใครจะคิดละว่า วันนี้โลกที่เราเคยจินตนาการจะเป็นรูปเป็นร่างให้เราสัมผัสได้ทั้งที่ยังลืมตา เจ้าของไอเดียสุดว้าวนี้ คือ Digital Delicious โดยร่วมมือกับ Doozy Digilab บริษัทดิจิทัลอาร์ตชื่อดัง ผู้นำการสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ โดยนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมารังสรรค์ประสบการณ์การกินอาหารรูปแบบใหม่ Interactive Dining Experience ผ่านผลงานศิลปะดิจิทัลที่น่าตื่นตาตื่นใจทั้งแสง สี เสียง สัมผัส ที่เราไม่ใช่เป็นแค่ผู้ชมอีกต่อไป แต่จะเป็นผู้เล่นและมีส่วนร่วมสร้างโลกจินตนาการนี้ไปด้วยกัน ซึ่งแต่ละคนจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป
วันนี้ “วันดีดี” จะขอพาเพื่อนๆ ไปเปิดประสบการณ์การจิบชารูปแบบใหม่ ที่ทุกคนจะต้องว้าวและประทับใจเหมือนเราอย่างแน่นอน เพราะเราจะชวนคุณไปจิบชาที่ปราสาทลอยฟ้าในเทพนิยาย จากนั้นพาคุณไปเที่ยวชมป่าและชมทุ่งดอกไม้ และเหล่าผีเสื้อตัวน้อย ก่อนจะกระชากคุณด่ำดิ่งลงมหาสมุทร แหวกว่ายกับฝูงปลาและแมงกะพรุน และทะยานสู่อวกาศไปสัมผัสมือกับมนุษย์อวกาศตัวเป็นๆ พร้อมจะออกเดินทางไปผจญภัยด้วยกันรึยังคะ
งานนี้ไม่ต้องมีเวทย์มนต์ก็ท่องโลกจินตนการได้ค่ะ เพราะ Digital Delicious และทีมงานมืออาชีพเขาได้เนรมิตโลกจินตนาการไว้รอเราเข้ามาสัมผัสแล้ว แค่คุณเปิดใจและก้าวเข้ามา เราก็พร้อมที่จะพาคุณไปโลดแล่นในโลกจินตนาการสุดมหัศจรรย์ที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน
นี่เป็นครั้งแรกที่ศาสตร์แห่งการปรุงอาหารระดับ Fine Dining ถูกผสานเข้ากับศิลป์แห่งเทคโนโลยีดิจิทัลเหนือจินตนาการ ภายใต้แนวคิด Parallel Universe ที่จะพาคุณท่องดินแดนมหัศจรรย์ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา 4 ธีม คือ Castle In the Sky, The Garden of Dreams, Deep Blue Sea และ A Space Odyssey พร้อมกับรับประทานอาหารรสเลิศจากเชฟระดับมิชลินสตาร์ เชฟเกตาโน่ พาลุมโบ้ เอ็กเซ็กคูทีฟเชฟ โรงแรมเซอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท โดยมีให้เลือก 3 รอบ คือ มื้อกลางวัน มื้อเย็น และน้ำชายามบ่าย
เมื่อเดินเข้ามาภายในบริเวณ Digital Delicious ซึ่งตั้งอยู่ชั้น 1 F โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท คุณจะได้พบกับห้องรับรองเล็กๆ ให้คุณได้นั่งเล่นก่อนจะเดินทางเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการพร้อมกับแขกคนพิเศษ รอบละ 20 คนเท่านั้น ตรงนี้จะมีตู้สติกเกอร์ให้คุณถ่ายภาพเป็นที่ระลึกก่อนที่เข้าไปด้านในที่มีความวิเศษรอเราอยู่
เมื่อเดินผ่านม่านสีน้ำเงินเข้มเข้ามาภายในห้อง จะพบกับโต๊ะอาหารยาวที่จัดตกแต่งไว้อย่างสวยงาม สำหรับแขก 20 ท่าน ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแขกคนสำคัญที่ได้รับการปรนนิบัติอย่างสุภาพจากพนักงานต้อนรับ ที่คอยบริการและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด อย่างแรกที่เราต้องทำเพื่อมีส่วนร่วมกับการเดินทางครั้งนี้ คือการสแกนคิวอาร์โค้ดที่อยู่บนโต๊ะ ซึ่งจะมีธีมให้เลือกเล่น 4 ธีม เมื่อเรากดเข้าไปก็จะปรากฎภาพให้เราได้เล่นสนุกไปกับธีมนั้นๆ สามารถถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอได้ค่ะ
ตอนนี้จากห้องสี่เหลี่ยมธรรมดา ก็ถูกร่ายเวทย์มนต์ให้เป็นโลกจินตนการ ด้วยการฉายภาพที่ถูกสร้างขึ้นจากดิจิทัลอาร์ทลงจอ Projector Mapping บนผนังรอบตัวเรา รวมถึงบนเพดาน บนโต๊ะอาหาร และจานอาหาร โอบล้อมเราเข้าสู่โลกจินตนาการอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว อ้อ! ตอนเดินเข้ามาจะมีชื่อของเราฉายลงมาที่โต๊ะด้วย เป็นการเวลคัมที่ประทับใจมาก เขาใส่ใจในรายละเอียดจริงๆ
เซ็ตน้ำชายามบ่ายวันนี้ เสิร์ฟชาจาก TWG TEA มีให้เลือก 4 ชนิด คือ Jasmine Queen, Eternal Summer, Moroccan Mint และ French Earl Grey เลือกได้ตามชอบเลยค่ะ
เริ่มต้นด้วยเมนูแรก Flower of Life ที่มาพร้อมกับธีม Castle In the Sky เป็นคานาเป้ 3 คำเล็กๆ เสิร์ฟมาบนภาชนะคล้ายเชิงเทียนโบราณ คำแรกเป็นขนมปังฟอคคาเชีย เสิร์ฟพร้อมพาร์ม่าแฮมและชีสมอสซาเรลล่า ต่อด้วยคาเวียร์และโฟมไข่เค็มเสิร์ฟบนเนื้อปู และ เมี่ยงคำหอยเชลล์ฮอกไกโด หน้าตาอาหารว่าวิจิตรบรรจงแล้ว บรรยากาศที่ปล่อยออกมาพร้อมกับเสียงเพลงชวนว้าวกว่า เหมือนเรากำลังนั่งจิบชาอยู่ในปราสาทลอยฟ้าที่แสนงดงามท่ามกลางอัศวินรูปงามในเทพนิยาย และเรายังมีส่วนร่วมสนุกกับมันได้ด้วยการใช้มือสัมผัสไปที่โต๊ะ จะวาดรูปหรือเขียนตัวหนังสือก็ได้
เมนูแรกยังไม่หายตื่นเต้น เมนูที่ 2 ก็มาชวนให้ไปค้นหาสมบัติใน Hidden Treasure เป็นครีมบรูเล่ขิงและเจลลี่เสาวรส (Ginger Cream Brulee Passion Fruit Jelly) ในธีม In to the wood เสิร์ฟมาในชามไม้ 2 ชั้น ตกแต่งด้วยกิ่งสนและก้อนหิน เมนูนี้เราชอบมาก เนื้อครีมบรูเล่เนียน แน่น นุ่ม ไม่หวาน ได้ความเปรี้ยวของเจลลี่เสาวรสและเบอร์รี่ สดชื่นเหมือนอยู่ในป่าสนเลย พอเงยหน้าอีกทีอ้าวบรรยกาศตอนนี้เปลี่ยนเป็นป่าและทุ่งดอกไม้ไปแล้ว เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ นก ผีเสื้อ ทุกอย่างถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างสวยงามราวป่าหิมพานต์ พอยกกล้องขึ้นถ่ายก็มีผีเสื้อเล็กๆ มาบินอยู่รอบๆ ช่างน่ารื่นรมย์จริงๆ
ท่องแดนมหัศจรรย์มาครึ่งทางแล้ว เราจะพาคุณดำดิ่งลงสู่ท้องทะเลไปกินแซลมอนกันค่ะ กับเมนูที่ชื่อว่า The Earth Sharker สโมคแซลมอนเสิร์ฟพร้อมซาวร์ครีม และขนมปังมัลติเกรน (Smoked Salmon, Multigrain Bread Sour Cream, Chive) เมนูนี้ทำเอารู้สึกทึ่งกับความครีเอทีฟของเชฟมาก ที่ตกแต่งอาหารออกมาได้สวยงามล้ำลึกจนไม่กล้าทานเลย ยิ่งยามสะท้อนกับแสงสีจากมัลติดิจิทัลในธีม Deep Blue Sea แล้วมันว้าวมาก นึกว่าอยู่ใต้ทะเลจริงๆ รอบตัวก็เต็มไปด้วยสัตว์ทะเลน้อยใหญ่ ถ้าเรายกกล้องขึ้นถ่ายจะเห็นน้องแมงกะพรุนตัวใสๆ ลอยพลิ้วไหวผ่านไปมา ถ้าเราเอามือแตะมันจะเปลี่ยนสีได้ด้วย คุ้มค่าสมคำร่ำลือจริงๆ ชอตนี้แอบเห็นทุกคนสนุกกับการถ่ายรูปจนลืมกินไปเลย
เดินทางมาถึงดินแดนสุดท้ายแล้ว เราจะพาคุณไปตะลุยอวกาศกันค่ะ ธีมนี้เราว่าเด็กๆ น่าจะชอบ เพราะจะได้เจอกับมนุษย์อวกาศด้วย ชื่อ A Space Odyssey แต่ผู้ใหญ่อย่างเราก็ชอบนะ เพราะเหมือนอยู่ท่ามกลางดวงดาวระยิบระยับ แถมธีมนี้ยังมีลูกเล่นสนุกๆ ให้เล่นมากมาย เพียงแค่เราสัมผัสมือลงบนโต๊ะก็จะมีพลังแสงเกิดขึ้น เราสามารถปล่อยพลังใส่เพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันได้ เป็นความฝันของใครหลายคนเลยที่อยากมีพลังวิเศษ และเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมโต๊ะ (Interactive) ที่เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้จากทุกคน ธีมที่ 4 ในกล้องสมาร์ทโฟนเราจะปรากฎมนุษย์อวกาศออกมาทักทาย เราสามารถปรับแต่งให้เขาย่อหรือขยายได้ตามชอบเลยนะคะ แต่อย่าสนุกจนลืมกินขนมที่เชฟตั้งใจคิดขึ้นมาละ
เมนูนี้มีชื่อว่า Galaxy Rock Crumble Dry Ice เป็นมูสดาร์กช็อกโกแลตแอปริคอทและซอสคาราเมล (Dark Chocolate Mousse With Apricot, Caramel Sauce) เสิร์ฟมาพร้อมกับดรายไอซ์ที่พวยพุ่ง เข้ากับธีมอวกาศมาก ตัวเนื้อมูสอร่อยมาก รสชาติเข้มข้น ไม่หวานจัด จบคอร์สน้ำชายามบ่ายด้วยความประทับใจทั้งรสชาติอาหารจากเชฟ และบรรยากาศที่สวยงามผ่านผลงานศิลปะ Digital Art เป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบ Interactive Dining Experience ที่ผสาน 2 ความสุดยอด คือ Fine dining และ Digital Art ได้อย่างล้ำลึกสุดพรรณา ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้น!
Digital Delicious เปิดประสบการณ์การทานอาหารรูปแบบใหม่นี้ถึงต้นปีหน้านี้เท่านั้นนะคะ ใครอยากได้รับประสบการณ์สุดคุ้มค่านี้ต้องรีบจองเข้ามา เพราะเปิดเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ มื้อกลางวัน มื้อเย็น และน้ำชายามบ่าย รอบละ 20 ท่านเท่านั้น บอกเลยว่ามาครั้งเดียวไม่พอแน่นอน บางคนจัดไปแล้ว 3 รอบ เพราะเค้ายังมีลูกเล่นอะไรให้เราเล่นอีกเยอะ เรามัวแต่ตื่นเต้น เลยพลาดการเล่นสนุกกับดิจิทัลอาร์ต และเก็บภาพสวยๆ ไปหลายชอต ช่วงเวลา 90 นาที ยังไม่เต็มอิ่ม ต้องขอมาสนุกต่ออีกสักรอบแน่นอนค่ะ
Fine Dining Digital Art
มื้อกลางวัน เวลา 12.00 – 13.30 น. ราคา 3,050.- บาท/คน
น้ำชายามบ่าย เวลา 15.00 – 16.30 น. ราคา 1,950.- บาท/คน
มื้อเย็น เวลา 19.00 – 20.30 น. และ 21.30 – 23.30 น. ราคา 3,870.- บาท/คน
จัดปาร์ตี้ส่วนตัว ราคา 3,870.- บาท/คน (1 รอบ สำหรับ 20 คน)
รับจำนวนจำกัดเพียง 20 ท่านต่อรอบเท่านั้น สำรองที่นั่งได้ที่ www.digitaldelicious.net ชั้น 1F โรงแรมเซอราต้น แกรนด์ สุขุมวิท
Book now : www.digitaldelicious.net
Line@ : https://lin.ee/bAXW4GN
Location : Sheraton Grande Sukhumvit Hotel ชั้น 1F
Instagram : https://www.instagram.com/digital_delicious_th/
YouTube : https://www.youtube.com/@doozydigilab5713/
Email : info@doozydigilab.com
Phone : 097-974-5353
#digitaldelicious #digitaldeliciousatsheraton #ddatsheratongrande #doozydigilab #FineDining #DigitalDelicious #DD #Sheraton #Metaverse #DigitalDining #AfternoonTea #DigitalArtCuisine #DigitalArtists #ChefGaetano #Michelin