สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งอินโดจีน @ ห้องอาหารเวียดนาม เลอ ดานัง


พูดถึงอาหารเวียดนามในกรุงเทพฯ บอกเลยว่ามีให้เลือกมากมายหลายระดับ ทั้งร้านเก่าแก่ดั้งเดิมและร้านใหม่ๆ ที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ด มีตั้งแต่ร้านหรูระดับโรงแรมจนถึงร้านอร่อยริมทาง เรียกว่าทุกวันนี้คุณสามารถหาอาหารเวียดนามทานได้แทบทุกซอกซอย แต่ถ้าจะหาร้านอาหารเวียดนามรสชาติต้นตำรับในบรรยากาศดีๆ คงไม่ใช่เรื่องง่าย ‘เลอ ดานัง’ เป็นหนึ่งร้านอาหารเวียดนามที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนรวมถึงเราด้วย


วันนี้นอกจากเราจะพาไปลิ้มลองรสชาติอาหารเวียดนามต้นตำรับจากฮานอยกันแล้ว ยังเป็นการกลับมารำลึกถึงความหลังกันอีกด้วย เพราะ ‘เลอ ดานัง’ เป็นห้องอาหารเวียดนามเก่าแก่ที่อยู่คู่กับโรงแรมเซ็นทารา ลาดพร้าวมาตั้งแต่เริ่มต้นก็ว่าได้ แถมยังมีรางวัลการันตีอีกมากมาย อาทิ Bangkok Best Restaurant Awards 1999 – 2005, Thailand Best Restaurant Awards 2001/2002 เป็นต้น

เลอ ดานัง ยังคงตั้งอยู่ชั้นใต้ล็อบบี้ (ชั้น LL) ของโรงแรมฯ เมื่อเดินลงบันไดมาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศความเป็นส่วนตัว ไม่พลุกพล่าน เหมาะสำหรับหลบลี้ความวุ่นวายภายนอกและการจราจรที่ติดขัดในช่วงหลังเลิกงาน บริเวณโถงต้อนรับประดับด้วยภาพพิมพ์สีสันสดใส ที่บ่งบอกถึงสัญลักษณ์ของเวียดนามอย่างชัดเจน จนอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เหมือนกำลังกลับมาเยือนบ้านหลังเดิมที่คุ้นเคย


ภายในร้านตกแต่งเรียบหรูด้วยสไตล์โคโลเนียล สมัยที่เวียดนามได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส สะท้อนให้เห็นถึงความงดงามของสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเฉพาะตัวในช่วงนั้น ด้านหนึ่งเป็นเคาน์เตอร์บาร์ประดับด้วยโคมไฟและของตกแต่งที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศ โซนที่นั่งแบ่งสัดส่วนด้วยการยกพื้นทั้งซ้าย-ขวา กั้นด้วยระเบียงไม้ ฝาผนังประดับด้วยรูปภาพเก่าๆ บนวอลเปเปอร์ในโทนสีอบอุ่นเหมือนบ้าน ส่วนโซนตรงกลางห้อง โอ่โถง โปร่ง สบาย สามารถมองเห็นบรรยากาศภายในร้านได้แบบรอบทิศ


เลอ ดานัง วันนี้มี ‘เชฟตุ๊กตา’ เป็นคนดูแลในเรื่องของรสชาติอาหาร ซึ่งเธอสั่งสมประสบการณ์มานานมากกว่า 30 ปี ทำให้ยังคงรสชาติของอาหารเวียดนามต้นตำรับจากเมืองฮานอย ในยุคที่ได้รับอิทธิพลจากประเทศฝรั่งเศสเอาไว้ได้อย่างยาวนาน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของร้านเลอ ดานังที่หลายคนติดใจ นอกจากนี้เชฟยังคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีมาปรุงอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะพืชผักสมุนไพรตามธรรมชาติที่ต้องสดใหม่ทุกวัน และหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ

เลอ ดานัง ให้บริการทั้งแบบอาหารตามสั่ง (A La Carte) และอะลาคาร์ท บุฟเฟต์ (A La Carte Buffet) เริ่มตั้งแต่เวลา 18.oo น. เรื่อยไปจนถึงเวลา 22.00 น. ทุกวัน แต่แนะนำให้เลือกแบบอะลาคาร์ทบุฟเฟต์ เพราะนอกจากจะนั่งทานไปได้เรื่อยๆ แบบไม่จำกัดเวลาแล้ว เชฟยังปรุงสดใหม่ทุกจานตามสั่ง เพื่อคงคุณค่ารสชาติความอร่อย คุ้มค่ามากๆ ค่ะ ชอบตรงที่อาหารเขาเสิร์ฟมาในจานเล็กๆ พอดีสำหรับหนึ่งคน ทำให้เราเลือกทานได้หลายเมนู แบบไม่ต้องรักพี่เสียดายน้อง เพราะอิ่มเกินไป…


‘เลอ ดานัง’ มีอาหารให้เลือกหลากหลายรายการมาก ทั้งทานเล่น ทานจริง เครื่องดื่ม ของหวาน หลายเมนูเป็นอาหารเวียดนามแบบที่เราคุ้นเคย บางเมนูก็คล้ายอาหารไทยแต่แตกต่างที่รสชาติ เราเลือกสั่งเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของอาหารเวียดนามมาเรียกน้ำย่อยก่อน เริ่มที่ ‘แหนมเนือง’ หรือลูกชิ้นหมูเวียดนามห่อแผ่นแป้งทานคู่กับผักสดและน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของทางร้าน ตามด้วย ‘ข้าวเกรียบปากหม้อไส้เห็ดและหมู’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมนูโปรดของเรา ชอบตรงที่แป้งนุ่ม ไส้แน่น ทานคู่กับน้ำจิ้มเพิ่มรสชาติ และเมนูที่หลายโต๊ะนิยมสั่งคือ ‘ขนมเบื้องไซ่ง่อนไส้ไก่และกุ้ง’ เนื้อแป้งบางกรอบ ไส้ล้น เสิร์ฟมาแบบพอดีคำ แผ่นไม่ใหญ่เหมือนขนมเบื้องทั่วไป ทานแล้วติดใจสั่งเพิ่มได้ค่ะ สลัดก็มีให้เลือกหลากหลาย แต่วันนี้เชฟแนะนำ ‘สลัดอโวคาโดเนื้อปู’ เสิร์ฟมาบนใบกะหล่ำปลีม่วง สดฉ่ำด้วยอโวคาโด มะม่วง มะเขือเทศและเนื้อปู คลุกเคล้าด้วยน้ำสลัด รสชาติออกเปรี้ยวหวานกำลังดี


อาหารเวียดนามที่คนไทยชื่นชอบอีกเมนูหนึ่งคือ ‘ปอเปี๊ยะ’ ซึ่งที่นี่มีทั้งปอเปี๊ยะสดและปอเปี๊ยะทอดไส้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไส้หมูและกุ้ง ไส้ปลาแซลมอนรมควัน ไส้อโวคาโด ไส้ผักและเต้าหู้ ถ้าชอบกินผักสด แนะนำปอเปี๊ยะสดไส้หมูและกุ้ง แผ่นแป้งบางห่อด้วยผักและเนื้อหมูกับกุ้ง หั่นพอดีคำ ทานคู่กับน้ำจิ้มปอเปี๊ยะสูตรเด็ดและผักสด

ใครชอบทานเฝ๋อหรือก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม แนะนำเฝ๋อเนื้อของที่นี่ น้ำซุปหอม หวาน เนื้อนุ่มกำลังดี เสิร์ฟมาในชามเล็กๆ ชามเดียวอาจไม่พอ คนไม่ทานเนื้อสั่งเป็นเฝ๋อไก่หรือเฝ๋อหมูยอก็อร่อยไม่แพ้กัน อีกเมนูที่ทานครั้งแรกก็ติดใจคือ ‘ต้มยำซี่โครงหมูสไตล์เวียดนาม’ น้ำซุปหอม หวาน เผ็ดร้อนนิดๆ ซดคล่องคอมาก





อาหารประเภทซีฟู้ดก็มีให้เลือกมากมาย อาทิ ‘ปูนิ่ม’ ที่นำมาปรุงเป็น ‘ปูนิ่มผัดเครื่องเทศ’ ให้รสชาติเผ็ดร้อนของเครื่องเทศ หรือ ‘ปูนิ่มผัดกระเทียม’ ให้รสสัมผัสของเนื้อปูแบบเต็มๆ หอมกลิ่นกระเทียมเจียว เช่นเดียวกับ ‘กุ้งลายเสือผัดกระเทียม’ ที่นำกุ้งไปทอดกรอบกินได้ทั้งตัว และ ‘ปลาหมึกย่างปรุงรสด้วยกระเทียมผักชี’ เนื้อปลาหมึกสดย่างมาเหลืองกำลังดี กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ ถ้าชอบรสจัดแนะนำจานนี้ ‘หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ราดซอสพริกและใบกระเพรา’ หอยแมลงภู่ตัวใหญ่ผัดกับสมุนไพรเผ็ดร้อนถึงใจ ถ้าชอบแบบซอฟต์ๆ ลองสั่ง ‘บะหมี่ทะเล’ กุ้ง ปลาหมึก เห็ดหอม เรียบง่ายแต่อร่อย อีกเมนูซิกเนเจอร์ที่แนะนำให้สั่งคือ ‘อกเป็ดย่างซอสมะขาม’ เนื้อเป็ดนุ่ม ไม่เหนียว ไม่มีกลิ่นเลย ราดด้วยซอสมะขามรสชาติออกเปรี้ยวหวานนิดๆ เมนูอาหารคาวสุดท้ายของวันนี้เลือกเป็น ‘ซี่โครงหมูย่างตะไคร้’ ซี่โครงหมูนำมาปรุงรส ย่างให้หอมกรุ่น เวลาทานได้กลิ่นหอมของตะไคร้นิดๆ ยิ่งทานคู่กับน้ำตะไคร้เข้ากันดี


ของหวานนอกจากผลไม้ตามฤดูกาลแล้วยังมี ‘บัวลอยน้ำขิงเวียดนาม’ แปลกตรงที่ไส้เป็นถั่วเหลือง ตัวแป้งเหนียวหนุบ น้ำขิงค่อนข้างเผ็ดร้อนตัดกับความหวานกำลังดี ‘ถั่วเขียวเปียกมะพร้าวอ่อน’ หน้าตาคล้ายเต้าส่วน แต่เนื้อนวลเนียนละเอียดกว่า หอมกลิ่นมะพร้าวอ่อน ของหวานที่เป็นไฮไลต์ของทางร้านคือ ‘กล้วยหอมทอดเหล้ารัม’ สั่งปุ๊บบริกรจะยกมาเสิร์ฟพร้อมกับจุดไฟคลุกเคล้าเหล้ารัมกับน้ำตาลไอซิ่งให้ถึงโต๊ะเลย ความหวานของกล้วยหอมทอดบวกกับกลิ่นหอมของคาราเมลและเหล้ารัมเบาๆ ปิดท้ายความสุขแบบเต็มอิ่มจริงๆ


ห้องอาหาร เลอ ดานัง ชั้น LL (ชั้นใต้ล็อบบี๊) โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ เปิดบริการทุกวัน เวลา 18.00 – 22.30 น. บริการอาหารตามสั่ง (A La Carte) และอะลาคาร์ท บุฟเฟ่ต์ (A La Carte Buffet) ในราคาท่านละ 699 บาท++ (ราคานี้ไม่รวมเครื่องดื่มและไม่รวมอัตราภาษีและค่าบริการ) สำรองที่นั่งได้ที่ : 0 2541 1234-9 ต่อ 4041