ยกความสดอร่อยของ ‘ล็อบเตอร์’ จากทะเลมารวมไว้ที่ “Red Lobster” ร้านซีฟู้ดชื่อดังสัญชาติอเมริกัน สาขาแรกในเมืองไทยที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
วงการร้านอาหารซีฟู้ดเมืองไทยคึกคักขึ้นอีกครั้ง เมื่อ Red Lobster เชนร้านอาหารซีฟู้ดชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ที่มีสาขากว่า 700 แห่งทั่วโลก เลือกมาเปิดสาขาแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โฉมใหม่ เพื่อให้เหล่าฟู้ดดี้ชาวไทยได้ลิ้มลองอาหารซีฟู้ดคุณภาพดี โดยเฉพาะเมนูล็อบสเตอร์ในตำนานที่โด่งดังมายาวนานกว่า 50 ปี
ร้าน Red Lobster มีจุดกำเนิดที่เมืองเลคแลนด์ รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ.1968 โดย “บิล ดาร์เดน” (Bill Darden) ซึ่งมีแนวคิดว่าจะทำให้อาหารทะเลที่มีคุณภาพและอร่อย สามารถเข้าถึงคนที่อาศัยอยู่ห่างจากทะเลได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ด้วยอาหารที่มีคุณภาพและราคาเป็นมิตร ทำให้ Red Lobster กลายเป็นเชนร้านอาหารทะเลที่โด่งดังและเติบโตในต่างประเทศอย่างรวดเร็ว ขยายสาขาไปในประเทศต่างๆ อาทิ จีน ญี่ปุ่น แคนาดา เม็กซิโก ฯลฯ ปัจจุบันร้าน Red Lobster มีกว่า 700 สาขาทั่วโลก
ร้าน Red Lobster ตั้งอยู่ชั้น G ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่มาพร้อมคอนเซปต์ Friends & Family ในบรรยากาศอบอุ่นเป็นมิตรสไตล์อเมริกัน ภายในร้านตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เน้นการใช้เส้นสายและโทนสีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากท้องทะเลและเกลียวคลื่น เติมความสนุกด้วยป้ายไฟนีออน คุณนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการ บริษัท เร้ด ล็อบสเตอร์ รีเทล เอเชีย จำกัด พูดถึงจุดเด่นของร้าน Red Lobster ว่า ทางร้านเน้นคุณภาพและความสดของวัตถุดิบ โดยเฉพาะ “ล็อบสเตอร์” ที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน นำเข้าจากหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งสูตรการปรุงเฉพาะของทางร้าน ตลอดจนการบริการแบบมืออาชีพ ทีมครัว และระบบทุกอย่างมาจากสาขาแม่
เมนูแนะนำเริ่มที่พระเอกอย่าง “ล็อบสเตอร์” กับเมนู ไลฟ์ เมน ล็อบสเตอร์ (Live Maine Lobster) ทางร้านใช้ล็อบสเตอร์เป็นๆ นำเข้าจากประเทศแคนาดา คุณนงนุชบอกว่าจุดเด่นของล็อบสเตอร์สายพันธุ์นี้ คือ ขนาดตัวโต ก้ามใหญ่ น้ำหนักประมาณ 550 – 600 กรัม และที่เด็ดสุดคือเนื้อนุ่มมาก เพราะเป็นล็อบสเตอร์จากน่านน้ำทะเลแอตแลนติค อาศัยอยู่ในกระแสน้ำเย็น เนื้อล็อบสเตอร์จึงหวานกว่าล็อบสเตอร์ที่อาศัยอยู่ในน้ำอุ่น เพราะไม่ซึมซับความเค็มของเกลือในทะเล เมื่อนำมาปรุงด้วยวิธีการนึ่งไอน้ำ จึงทำให้เนื้อล็อบสเตอร์คงความสด เนื้อสัมผัสนุ่ม ทานคู่กับบัตเทอร์ซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน ฟินสุดๆ หรือใครอยากจะทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่ผสานความแซ่บแบบไทยๆ ทางร้านก็มีบริการให้ กระซิบว่าน้ำจิ้มซีฟู้ดที่นี่รสชาติเป็นเอกลักษณ์ หนึ่งเดียวในโลก ไม่มีสาขาไหนแน่นอน หรือถ้าชอบรสชาติเข้มข้น แนะนำ ไลฟ์ ล็อบสเตอร์ เทอร์มิดอร์ (Live Lobster Thermidor) ล็อบสเตอร์สดๆ ปรุงรสด้วยซอสเทอร์มิดอร์ นำไปอบจนสุกกำลังดี เพื่อให้ส่วนผสมแทรกซึมเข้ากับเนื้อล็อบสเตอร์ ให้รสชาติหอมมันจากชีสและสมุนไพรหลากหลายชนิด
หรือหากใครอยากทานทั้งล็อบสเตอร์และสปาเก็ตตี้ ต้องเมนู สปาเก็ตตี้ อัลกลิโอ โอลิโอ วิท เบคอน & ไลฟ์ เมน ล็อบสเตอร์ (Spaghetti Aglio Olio with Bacon & Live Maine Lobster) สปาเก็ตตี้พริกกระเทียม เข้มข้น หอมพริก กระเทียม เสิร์ฟพร้อมเบคอน และไลฟ์ เมน ล็อบสเตอร์ อร่อยลงตัวในจานเดียว
นอกจากนั้นยังมีเมนูอื่นๆ ที่น่าลองอย่าง ล็อบสเตอร์ บิสก์ (Lobster Bisque) ซุปครีมล็อบสเตอร์เข้มขัน เนื้อเนียน เสิร์ฟมาในแป้งพัฟกรุบกรอบ และ Clam Chowder ซุปหอยลายรสกลมกล่อม และ ดูโอ ล็อบสเตอร์ เทล (Duo Lobster Tails) ส่วนหางของล็อบสเตอร์ เนื้อแน่น นุ่ม เสิร์ฟเป็นคู่ มี 2 รสชาติ แบบคลาสสิคปรุงรสด้วยเนย กระเทียม และแบบปรุงรส ปรุงด้วยซอสเทอร์มิดอร์
Lobster Tail Lobster Roll (ล็อบสเตอร์เทล ล็อบสเตอร์โรล) ล็อบสเตอร์โรล ที่ไม่เหมือนใคร เพราะทำสดจากเนื้อล็อบสเตอร์เทลทั้งชิ้น คลุกเคล้าด้วยมายองเนสและเซเลอรี่ตามแบบฉบับคลาสสิคอเมริกัน
สำหรับสายเฮลท์ตี้ แนะนำ Grand Grilled Feast (แกรนด์ กริลด์ ฟีสท์) จานซีฟู้ดรวมของย่าง ประกอบด้วย Lobster Tail (ล็อบสเตอร์ เทล) ปลาแซลมอน กุ้งอาร์เจนตินาเสียบไม้
ปิดท้ายด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน Red Lobster นั่นคือ เชดดาร์ เบย์ บิสกิต (Cheddar Bay Biscuits) เมนูยอดนิยมและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้ามายาวนาน ตั้งแต่ปี 1992 จนกลายเป็นเมนูสัญลักษณ์ของร้าน เชดดาร์ เบย์ บิสกิต ทุกชิ้น อบสดใหม่ทุก 15 นาที ใช้แป้งสูตรเฉพาะของทางร้านผสมกับเชดดาร์ชีสคุณภาพดี เคลือบด้านบนด้วยเนยกระเทียมสูตรพิเศษ ทำให้ได้บิสกิตชุ่มเนยและชีสอบร้อนๆ รับรองว่าถูกใจฟู้ดดี้ชาวไทยแน่นอน โดยทางร้านจะเสิร์ฟเชดดาร์ เบย์ บิสกิตให้ชิมฟรีท่านละ 1 ชิ้น ถ้าติดใจสามารถสั่งเพิ่มได้ 6 ชิ้น 12 ชิ้นค่ะ
นอกจากล็อบเตอร์แล้ว ทางร้านยังมีเมนูความอร่อยหลากหลาย อาทิ US Angus Ribeye Steak, Wagyu Bacon Cheeseburger, Salmon New Orleans สเต็กปลาแซลมอนและกุ้งนิวออร์ลีน เสิร์ฟพร้อม Baked Potato และ Asparagus เป็นต้น
มาถึงเมนูขนมหวานและเครื่องดื่ม ทางร้านรังสรรค์อย่างพิถีพิถันไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะป็น Flambe Burnt Cheesecake with Walnut and SangSom Caramel Sauce เบิร์น ชีสเค้ก ที่ไม่ธรรมดา เสิร์ฟพร้อมวอลนัทและโฮมเมด รัม คาราเมลซอส ราดด้วยเหล้ารัม และจุดไฟเพื่อลดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่ยังคงความหอมจากเหล้ารัมหลังจากแอลกอฮล์ระเหยไปแล้ว
Signature Strawberry Shortcake เสิร์ฟพร้อมสตรอว์เบอร์รี่สด ซอสสตรอว์เบอร์รี่ และวิปครีมหอมละมุน Triple Chocolate Crunchy Cake การเรียงตัวของช็อกโกแลตมูสเนื้อเนียนนุ่ม 3 ชั้น พร้อมตัวเบสที่ให้ความกรุบกรอบ จึงได้เนื้อสัมผัสและความลงตัวที่ลืมไม่ลง
ฟู้ดดี้ชาวไทยและสายล็อบเตอร์ตัวจริง มาปักหมุดความอร่อยกันได้แล้วที่ Red Lobster ชั้น G ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 22.00 น. สามารถจองโต๊ะและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 062-243-8237 หรือ Line Official Account: @redlobster_th และสามารถติดตามโปรโมชั่นต่างๆ ได้ที่ Facebook Page: Red Lobster Thailand