‘กลุ่มดุสิตธานี’ เดินหน้าขยายธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทรับการท่องเที่ยวฟื้น เผยปี 2566 เตรียมเปิดโรงแรมเพิ่มอีก 14 แห่ง ใน 7 ประเทศทั่วโลก พร้อมรุกตลาดยุโรปและญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ ‘ดุสิต’ เป็นครั้งแรก
กลุ่มดุสิตธานี เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจโรงแรม ล่าสุด ประกาศแผนการขยายธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 14 แห่ง ในปี พ.ศ. 2566 รวมถึงการเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ในญี่ปุ่นและรุกตลาดยุโรปครั้งแรกด้วยการเปิดบูติกโฮเต็ลสุดเอ็กซ์คลูซีฟภายใต้แบรนด์ดุสิตธานีในกรุงเอเธนส์ พร้อมขยายธุรกิจไปทั่วโลกด้วยการเปิดตัวเชิงกลยุทธ์ทั้งในประเทศจีน อินเดีย เคนย่า เนปาล และไทย
มร.จิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในขณะที่การท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง กลุ่มดุสิตธานีมีแผนที่จะขยายธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทในปี 2566 เพิ่มขึ้นอีก 14 แห่ง รวมทั้งสิ้นประมาณ 1,700 ห้อง ใน 7 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทั้งในเอเชียและยุโรป รวมถึงประเทศไทย ซึ่งจะทำให้พอร์ตโฟลิโอทั่วโลกของกลุ่มดุสิตในปีนี้ มีโรงแรมรวมกันทั้งหมด 62 แห่ง หรือประมาณ 13,700 ห้อง ใน 17 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งยังมีอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 60 แห่งที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการภายใน 3-4 ปีข้างหน้า
สิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับแผนการเปิดโรงแรมใหม่ในปีนี้ คือ การบุกจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวในตลาดใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีโรงแรมในเครือดุสิตธานีมาก่อน ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศกรีซ โดยสำหรับประเทศญี่ปุ่น บริษัทฯ เตรียมที่จะเปิดตัวโรงแรมภายใต้สองแบรนด์หลัก คือ ดุสิตธานี ซึ่งจับกลุ่ม ลักซูรี่ และอาศัย ซึ่งจับกลุ่มมิเลนเนียลในเมืองเกียวโต อดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่นซึ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ทางวัฒนธรรมดั้งเดิม ในช่วงไตรมาสที่สอง และไตรมาสที่สามของปีนี้ เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการขยายตัวไปยังเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ในญี่ปุ่นต่อไป
บริษัทฯ ยังมีแผนที่บุกตลาดในทวีปยุโรปเป็นครั้งแรก ด้วยการเปิดโรงแรมบูติคโฮเทลภายใต้แบรนด์ ดุสิตสวีท ที่เมืองเอเธนส์ ประเทศกรีซ 1 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมที่จะเปิดโรงแรมในต่างประเทศเพิ่มติมในจุดหมายปลายทางที่เคยมีแล้ว ได้แก่ ประเทศเนปาล 2 แห่ง; ประเทศอินเดีย 2 แห่ง; ประเทศเคนย่า 1 แห่ง และประเทศจีน 3 แห่ง
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนที่จะเปิดโรงแรมใหม่เพิ่มเติมในประเทศไทย อีก 3 แห่ง นอกเหนือจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ 1) โรงแรมอาศัย กรุงเทพ สาทร โดย ‘อาศัย’ (ASAI Hotels) ถือเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์น้องใหม่ของดุสิตที่เน้นตั้งอยู่ในย่านที่มีอัตลักษณ์อันโดดเด่น เต็มไปด้วยความครึกครื้น และความมีชีวิตชีวา เพื่อเชื่อมโยงประสบการณ์ท้องถิ่นให้ผู้มาเข้าพักได้สัมผัสอย่างแท้จริง 2) โรงแรมดุสิตดีทู สามย่าน กรุงเทพ ซึ่งจะเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์ ดุสิตดีทู แห่งแรกในกรุงเทพฯ และ 3) โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส พัทลุง ซึ่งจะทำให้กลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรมและรีสอร์ทในประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 18 แห่ง
“ที่ผ่านมากลุ่มดุสิตธานียึดในหลักการ ‘คุณภาพคือกุญแจสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน’ ทำให้เรายังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาคุณภาพมากกว่าปริมาณ เพื่อส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษในจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุด การเดินหน้าขยายธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทของกลุ่มดุสิตธานีในปีนี้ เป็นการตอกย้ำความพร้อมของกลุ่มดุสิตธานี ที่พร้อมจะต้อนรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกหลังจากการท่องเที่ยวและการเดินทางกลับมาคึกคักและมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้นำแบรนด์อันเป็นเอกลักษณ์ของการต้อนรับแบบไทยไปเปิดตัวในประเทศต่างๆ ในปีนี้ โดยเราตั้งใจที่จะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าทุกท่าน” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.ดุสิตธานี กล่าว
เกี่ยวกับ ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล
- ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2491 เป็นกลุ่มธุรกิจโรงแรมชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (DUSIT) ประกอบด้วย 5 หน่วยธุรกิจที่แตกต่างแต่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ได้แก่ โรงแรมและรีสอร์ท การศึกษาด้านงานบริการ อาหาร การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับการต้อนรับ
- กลุ่มโรงแรม รีสอร์ท และวิลล่าระดับลักซ์ชูรี ประกอบด้วยที่พักมากกว่า 300 แห่ง ดำเนินงานภายใต้แบรนด์ทั้งหมด 6 แบรนด์ ได้แก่ ดุสิตธานี, ดุสิต เดวาราณา, ดุสิตดีทู, ดุสิต ปริ๊นเซส, อาศัย โฮเทล และ อีลิธ เฮเวนส์ ใน 16 ประเทศทั่วโลก กลุ่มที่พักในเครือฯ ยังดำเนินกิจการโรงเรียนสอนทำอาหารและวิทยาลัยการบริการในประเทศไทย รวมทั้งมีบริษัทจัดเลี้ยงสำหรับภาคการศึกษาทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม
- การลงทุนที่หลากหลายของ ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริการที่เกี่ยวข้องกับการต้อนรับ และธุรกิจอาหาร เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ความสมดุล การขยายตัวของธุรกิจ และการกระจายความเสี่ยง
- รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่: dusit-international.com