5 ภาพเขียนฝีพระหัตถ์ของหม่อมเจ้ามารศีฯ ที่สร้างชื่อเสียงใน ‘Google Arts & Culture’
หากจะมีใครสักคนมองเห็นความตายในแง่มุมที่งดงามและลึกซึ้งที่สุด หนึ่งในนั้นคงเป็น หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร จะเห็นได้จากภาพเขียนฝีพระหัตถ์ที่ฉาบฉายอยู่บนผืนผ้าใบขนาดใหญ่ และประโยคสั้นๆ ที่ทรงตรัสไว้ว่า “ศิลปะสะท้อนชีวิตและความตาย ฉันจะใช้ความสามารถของฉันถ่ายทอดออกมา”
คนที่มีโอกาสได้ชื่นชมผลงานศิลปะจากปลายพู่กันของท่านหญิงมารศีฯ จะรู้สึกราวกับต้องมนต์เมื่อได้เห็นจินตนาการอันลึกล้ำของศิลปะเซอร์เรียลลิสม์ ผสมผสานความเป็นตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกันได้อย่างกลมกลืน จนถึงเทคนิคการวาดรูปและลงสีที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร
นิทรรศการของพระองค์จัดแสดงในเมืองไทยถึง 3 ครั้งในชื่อ ‘MARSI’ (2553) ‘L’art de Marsi’ (2556) และล่าสุด ‘Beauty and Ugliness: Aesthetic of Marsi’ (2561) ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ หอศิลป ซึ่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.ศุภชัย อารีรุ่งเรือง ภัณฑารักษ์ ได้รวบรวมภาพเขียน ภาพร่างบนกระดาษไข ข้าวของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ และหนังสือส่วนพระองค์ ตลอดจนภาพยนตร์สารคดีหาชมยาก มาจัดแสดงในห้องที่ทาบทาด้วยสีแดงเลือดนก ผสมผสานกับดอกไม้และสัตว์ต่างๆ ที่ปรากฏให้เห็นบนภาพเขียนของพระองค์ขับให้ผลงานศิลปะทั้งโดดเด่นและเต็มไปด้วยพลัง ทั้งยังสร้างความประทับใจให้ผู้ชมเป็นอย่างมาก และหากคุณอยากชื่นชมผลงานของพระองค์ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
มูลนิธิหม่อมเจ้าหญิงมารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้ร่วมกับ Google Arts & Culture นำนิทรรศการ ‘Beauty and Ugliness: Aesthetic of Marsi’ ที่ตราตรึงกลับมาแสดงอีกครั้งในรูปแบบดิจิทัลบนเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชัน Google Arts & Culture ทั้งบนระบบ iOS และ Android ซึ่งรวบรวมผลงานศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ที่สำคัญจากทั่วโลกมาจัดแสดงไว้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ หนึ่งในนั้นคือผลงานของหม่อมเจ้ามารศีฯ ศิลปินไทยที่สร้างชื่อเสียงและความภูมิใจให้กับคนไทยมากว่าทศวรรษ
จากห้องหนึ่งไปยังอีกห้อง นิทรรศการออนไลน์ที่จัดแสดงเป็น 4 ห้อง ได้แก่ ‘หม่อมเจ้ามารศี ฯ เป็นใคร’ ‘ความรื่นรมย์ของสัตว์เลี้ยง นก และดอกไม้นานาพันธุ์’ ‘ความงามและความน่าเกลียด’ และ ‘ศิลปะสะท้อนชีวิตและความตาย’ พาผู้ชมออกสำรวจโลกแห่งจินตนาการและตัวตนของหม่อมเจ้ามารศีฯ อย่างเงียบสงบ ทว่าเปี่ยมด้วยอรรถรส และรายละเอียดมากมายที่ซ่อนไว้ในภาพเขียนฝีพระหัตถ์ ให้ความรู้สึกราวกับกำลังท่องไปในนิทรรศการพร้อมกับภัณฑารักษ์ส่วนตัว รวมถึงเริ่มต้นทำความรู้จักชีวิตและตัวตนของหม่อมเจ้ามารศี ฯ ผ่าน 5 ผลงานที่วิจิตรบรรจงเหล่านี้
The Ball (2532) ภาพสีน้ำมันบนผืนผ้าใบขนาด 130 x 195 ซม. หนึ่งในผลงานชิ้นเอกของหม่อมเจ้ามารศี ฯ ที่สร้างสรรค์ด้วยสีสันสดใสตระการตา และได้รับรางวัลชนะเลิศจากกรรมการเยาวชนในเทศกาลศิลปะโปรวองซ์-อาร์ (Provence-Arts) เมื่อปี พ.ศ. 2534 การเต้นรำที่สนุกสนานของเหล่าสรรพสัตว์ภายในภาพเชิญชวนให้ผู้ชมพินิจรายละเอียดใกล้ๆ ในทุกจุด
The Wall (2528) หนึ่งในผลงานชิ้นเอกของหม่อมเจ้ามารศีฯ บนผืนผ้าใบขนาด 114 x 146 ซม. ได้แรงบันดาลใจมาจากความฝันของท่าน แสดงภาพกำแพงสูงอันเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างความเป็นและความตาย ด้านหนึ่งของกำแพงเต็มไปด้วยผู้คนที่อยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความรักและความสุขเมื่อได้เคียงคู่กับคนรัก ขณะที่อีกฟากของกำแพงแสดงภาพการพลัดพรากของคนที่เคยเคียงคู่ และการหวนคิดถึงบุคคลอันเป็นที่รักด้วยความอาวรณ์ ทั้งยังสะท้อนสัจธรรมของชีวิตว่า “ความเป็นและความตายไม่อาจแยกจากกันได้” นั่นเอง
The Mystical Marriage of Prince Noui Noui at Vellara (2546) เมื่อสุนัขพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดทรงเลี้ยงตัวโปรดเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ก่อนที่หม่อมเจ้ามารศีฯ จะทรงจัดงานแต่งงานให้นั้น ท่านจึงทรงเนรมิตพิธีแต่งงานที่สวยงามอลังการนี้ขึ้นบนภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าขนาด 130 x 195 ซม. เพื่อระลึกถึงความรักและความผูกพันที่มีต่อ Noui Noui
Noah’s Ark (2535) ภาพสีน้ำมันบนผืนผ้าใบขนาด 130 x 209 ซม. ถ่ายทอดเรื่องราวของเรือโนอาห์ในพระคัมภีร์ไบเบิล เมื่อพระเจ้าทรงปกป้องโนอาห์ ครอบครัว รวมทั้งสรรพสัตว์นานาชนิดจากอุบัติภัยน้ำท่วมโลก ท่านหญิงมารศี ฯ ทรงวาดภาพสัตว์น้อยใหญ่ที่ตกแต่งร่างกายด้วยเครื่องประดับงดงามวิจิตรบรรจง ทั้งยังเปี่ยมด้วยบุคลิกโดดเด่นเฉพาะตัวและสะท้อนรสนิยมของศิลปินไว้อย่างลงตัว
Give me your Hand (2538)หม่อมเจ้ามารศี ฯ ทรงใช้สีน้ำเงิน ultramarine ซึ่งเป็นสีที่มีราคาแพงและดีที่สุดในยุคเรอเนอซองส์ ศิลปินในอดีตมักแต่งแต้มเสื้อคลุมของพระแม่มารีด้วยสีน้ำเงิน ultramarine เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์และอ่อนน้อมถ่อมตน (ในอดีตสีน้ำเงินเฉดนี้เคยมีราคาสูงมาก จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2369 มีการประดิษฐ์สีสังเคราะห์ขึ้น)เพลิดเพลินกับภาพเขียนฝีพระหัตถ์และจินตนาการของท่านหญิงมารศี ฯ ผ่านนิทรรศการออนไลน์ได้ที่ https://artsandculture.google.com/partner/marsi-foundation?hl=th หรือทำความรู้จักกับชีวิตและผลงานของพระองค์ได้ที่ http://marsifoundation.org/home/
เกี่ยวกับ ‘หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร’
หม่อมเจ้ามารศีฯ ทรงเป็นธิดาพระองค์เดียวของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต และหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ประสูติเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2474 ณ วังบางขุนพรหม กรุงเทพ ฯ (ธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน) หม่อมเจ้ามารศี ฯ ทรงใช้ชีวิตในวัยเยาว์ส่วนใหญ่ที่เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซียและประเทศอังกฤษ ด้วยตามเสด็จพระบิดาไปพำนักในต่างแดนภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองภายในประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2475
หม่อมเจ้ามารศี ฯ ทรงสำเร็จศึกษาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และสเปน ทรงได้รับปริญญาเอกสาขาวรรณคดีจากมหาวิทยาลัย ณ กรุงปารีส และปริญญาเอกสาขาประวัติศาสตร์ศิลปะจากมหาวิทยาลัยแห่งมาดริด ประเทศสเปน ทรงจัดแสดงนิทรรศการศิลปะทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศสอย่างต่อเนื่อง จึงเสด็จไปพบเมืองเล็กๆ ชื่อ ‘อันนอท’ (Annot) ซึ่งอยู่ในภูเขาบริเวณ Alpes des Haute Provence ทรงสร้างสตูดิโอและพระตำหนักชื่อ ‘เวลลารา’ และทรงพำนักในที่แห่งนี้เป็นการถาวรนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 เป็นต้นมา
นอกจากเหนือจากงานศิลปะแล้ว หม่อมเจ้ามารศีฯ ทรงมีใจรักธรรมชาติและเสียงดนตรี เช่นเดียวกับการทำอาหาร พระตำหนัก “เวลลารา” จึงไม่เพียงแต่เป็นสตูดิโอทรงงานเท่านั้น แต่ยังแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ ผักหญ้า ทั้งสวนดอกไม้ สวนครัว และลำธาร อีกทั้งยังไม่เคยขาด สิงห์สาราสัตว์ ทั้งแมว สุนัข และนก ซึ่งนับเป็นนายแบบและนางแบบกิตติมศักดิ์ประกอบภาพเขียนของท่านตลอดมา
เกี่ยวกับมูลนิธิฯ
- มูลนิธิหม่อมเจ้าหญิงมารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2552 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลรักษาและจัดแสดงภาพ จิตรกรรมฝีพระหัตถ์ของหม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร ส่งเสริมการศึกษาด้านศิลปะและสนับสนุนศิลปินรุ่นเยาว์ ในประเทศไทย ตลอดจนดำเนินกิจกรรมสงเคราะห์สัตว์ต่างๆ ที่ผ่านมามูลนิธิฯ ได้จัดนิทรรศการแสดงภาพเขียนจิตรกรรม ฝีพระหัตถ์หม่อมเจ้ามารศีฯ ให้ประชาชนไทยได้ศึกษาและชื่นชม เมื่อปี พ.ศ. 2553 จัดพิมพ์หนังสือรวบรวมภาพเขียน ฝีพระหัตถ์ 3 ภาษา (ไทย อังกฤษ และฝรั่งเศส) มอบทุนการศึกษาด้านศิลปะให้กับนิสิต/นักศึกษาในระดับปริญญาตรี และมีโครงการจัดแสดงนิทรรศการแสดงภาพเขียนในหอศิลป์ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องในอนาคต