คลื่นวิทยุขนาดเล็กลงลึกถึงต้นเหตุ ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ

การเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแดง หลุมสิวบนใบหน้า ไม่เพียงกวนใจและทำให้สูญเสียความมั่นใจ แต่ยังอาจเป็นปัญหาผิวเรื้อรังที่รักษาให้หายขาดยาก ดังนั้นหากมีตัวช่วยที่สามารถลดเลือนริ้วรอย รักษา และป้องกันปัญหาผิวบนใบหน้าจากต้นเหตุได้ จะไม่เป็นเพียงแค่การคืนความมั่นใจเท่านั้น แต่ยังช่วยดูแลผิวให้แข็งแรงในระยะยาวได้ด้วย

พญ.กาญจนา เสริมสวรรค์ ผู้อำนวยการศูนย์ผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า ฝ้าเป็นปัญหาผิวพรรณที่พบได้มากในผู้หญิง แม้จะไม่ใช่โรคอันตราย แต่ทำให้ผู้หญิงหลายคนหมดความมั่นใจได้ โดยฝ้าสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ผิวหนังมีการผลิตเซลล์เม็ดสีมากเกินไป เยื่อบุรองฐานของผิวหนังถูกทำลาย มีการเพิ่มจำนวนของเส้นเลือดที่ผิดปกติ  และมีการเพิ่มขึ้นของเซลล์ไฟโบรบลาสที่เริ่มชรา ฯลฯ หากเกิดฝ้าแล้วไม่รีบหาทางหยุดฝ้าหรือป้องกัน ก็ยากที่จะรักษาให้หายขาดได้ แต่ปัจจุบันโรงพยาบาลใช้เครื่อง SYLFIRM เป็นเทคโนโลยีที่ผ่านการค้นคว้าวิจัยโดย Silicon Valley ประเทศสหรัฐอเมริกาและมีการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ โดยหลักการทำงานของเครื่องจะเป็นการปล่อยคลื่นวิทยุขนาดเล็กแบบ SR3 (RP) Technology (Selective Regional Regenerative RF) เป็นช่วง ๆ เลือกตำแหน่งเนื้อเยื่อและความลึกที่ต้องการได้ เพื่อเข้าไปทำลายเส้นเลือดผิดปกติใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความผิดปกติของเม็ดสีและการกลับมาเป็นซ้ำของฝ้า จึงสามารถช่วยแก้ปัญหาฝ้าและป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ได้ อีกทั้งยังกระตุ้นคอลลาเจน ลดการส่งเม็ดสีจากผิวหนังส่วนบนสู่ผิวหนังส่วนล่าง ลดริ้วรอย ลดแผลเป็นหลุมสิว กระชับรูขุมขน ผิวแข็งแรงดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยจะต้องทำตามคำแนะนำของแพทย์ ประมาณ 3 – 12 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ข้อดีของการรักษาด้วยคลื่นวิทยุขนาดเล็กนี้สามารถป้องกันการกลับมาเกิดฝ้าซ้ำ ลดการเกิดรอย หากทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดรอยโรคจากเส้นเลือด รอยแดง ทำให้รอยสิวจางลง หลังจากทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง 3 ครั้งขึ้นไป รอยแผลเป็น หลุมสิวตื้นขึ้น ริ้วรอยจะลดลงโดยเฉพาะริ้วรอยใต้ตา ทำให้ผิวกระจ่างใส ผิวหน้าเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เหมาะกับผิวแพ้ง่าย เจ็บน้อย พักฟื้นสั้น ผลข้างเคียงน้อย สามารถรักษาร่วมกับเทคโนโลยีอื่นได้ในวันเดียวกัน

Shot of a beautiful woman.Middle aged woman portrait, cosmetology concept

หลังการรักษาควรมีการดูแลผิวหน้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการประคบเย็นหรือมาส์กหน้าเพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองทันทีหลังการรักษา สามารถทำความสะอาดผิวได้ 1 วันหลังทำการรักษาแบบใช้พลังงานสูงและ 4 ชั่วโมงหลังรักษาทั่วไป ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวหรือสครับประมาณ 2 สัปดาห์ ทาครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้น 2 – 3 ครั้งต่อวัน เลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดดที่มี SPF มากกว่า 30 วันละ 2 – 3 ครั้ง ควรเลี่ยงการรักษาด้วยแสง 2 สัปดาห์ เลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์ อย่าถูหรือทำให้ระคายเคืองบริเวณที่รักษา ทายาตามที่แพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง  งดออกกำลังกาย ว่ายน้ำ แช่น้ำร้อน ซาวน่า 1 – 2 สัปดาห์ และควรเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ 1 – 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามจะมีข้อห้ามของผู้ป่วยบางกลุ่มที่ไม่สามารถทำการรักษาด้วยเครื่อง SYLFIRM ได้ เช่น ผู้ป่วยที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจเทียม เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ฝังในร่างกาย ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร ผู้ป่วยเบาหวานหรือมีความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ ผู้ป่วยที่มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ผู้ที่บริโภคหรือฉีดยาต้านการแข็งตัวของเลือดในช่วง 10 วันที่ผ่านมา

โดยหลังการรักษาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ผื่นแพ้ บวม แดงร้อน ผิวไหม้ สิว รูขุมขนอักเสบ ลมพิษ ตกสะเก็ด ผิวแห้งลอก หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางทันที และควรเข้ารับบริการกับโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานเพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลกรุงเทพ โทร.1719  หรือ แอดไลน์ @bangkokhospital