“บำรุงราษฎร์” ตอกย้ำคุณภาพ “ศูนย์ทางเดินปัสสาวะ” ส่งมอบการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยหลากหลายวิธีอย่างครอบคลุม

ปัจจุบัน ประชากรผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้วงการสาธารณสุขทั่วโลกมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพโดยเฉพาะในผู้สูงวัย หนึ่งในโรคที่พบบ่อยที่สุดในชายสูงวัย คือ โรคต่อมลูกหมากโต ซึ่งพบมากในผู้ชายอายุ 60 ปีขึ้นไป ประมาณ 50% และในผู้ชายอายุ 70 ปีขึ้นไป กว่า 80% ทั้งนี้ โรคต่อมลูกหมากโต ถึงแม้จะเป็นโรคที่ไม่อันตรายถึงชีวิต แต่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก

ดร. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เราได้ตระหนักถึงปัญหาและมุ่งหวังที่จะทำให้ผู้ป่วยหายจากภาวะเจ็บป่วยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีศูนย์ทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ที่มีทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์สูง รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพเข้ามาใช้ ซึ่งสามารถให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโตและโรคที่เกี่ยวกับต่อมลูกหมากอื่น ๆ ได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเคสยากหรือซับซ้อน งานแถลงข่าวในครั้งนี้ จึงนับเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบำรุงราษฎร์ในการพัฒนาการรักษาอย่างต่อเนื่องและนำเอาเทคโนโลยีทางการแพทย์มาใช้อย่างเหมาะสม เพื่อส่งมอบทางเลือกของการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และได้มาตรฐาน

นพ. วิโรจน์ ชดช้อย หัวหน้าศูนย์ทางเดินปัสสาวะ และแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อธิบายว่า โรคต่อมลูกหมากโต คือ ภาวะที่ต่อมลูกหมากที่อยู่ล้อมรอบท่อปัสสาวะมีขนาดใหญ่ผิดปกติจนไปเบียดท่อปัสสาวะให้แคบลง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการปัสสาวะ อาการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก จะมีอาการปัสสาวะบ่อยร่วมกับอาการแสบขัด ส่วนกลุ่มที่ 2 จะมีอาการปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะไม่พุ่ง หรือต้องใช้เวลาในการเบ่ง

ศูนย์ทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เรามุ่งมั่นที่จะคืนคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขโดยการให้การดูแลรักษาแบบเฉพาะบุคคล แนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยแพทย์ของเรามีความชำนาญการและมีประสบการณ์สูง ซึ่งให้การดูแลรักษาผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตกว่า 5,000 รายในแต่ละปี โดยในจำนวนนั้นมีผู้ป่วยกว่า 4,000 รายที่รับการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด และกว่า 500 รายเข้ารับการผ่าตัดหลากหลายวิธี เช่น การผ่าตัดส่องกล้อง (TURP), การผ่าตัดต่อมลูกหมากโตด้วยเลเซอร์ HoLEP หรือเลเซอร์ PVP เพื่อกำจัดเนื้อเยื่อส่วนเกิน, การรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำโดยใช้เทคโนโลยี Rezum โดยฉีดไอน้ำเข้าไปเพื่อกำจัดเซลล์ที่อุดตัน และการรักษาด้วยเทคนิค UROLIFT โดยใช้อุปกรณ์ขนาดจิ๋วยึดติดกับต่อมลูกหมากถาวร เพื่อดึงเนื้อเยื่อให้ถ่างออกจากท่อปัสสาวะ เป็นต้น

นพ. ธีระพล อมรเวชสุกิจ แพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ในกรณีที่ผู้ป่วยรับประทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการข้างเคียงจากยามาก หรือยังมีอาการแทรกซ้อนที่ทางเดินปัสสาวะซ้ำ ๆ เช่น การอักเสบติดเชื้อเรื้อรัง ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะเหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะมากหลังจากปัสสาวะสุดไปแล้ว นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ การทำงานของไตแย่ลง หรือมีเลือดออกปนในปัสสาวะ แพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีการผ่าตัดรักษาที่เหมาะสม โดยวิธีที่นิยม คือ การส่องกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะ และใช้พลังงานในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ไฟฟ้าหรือความร้อน เพื่อเอาเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากออกจนปัสสาวะสามารถไหลผ่านได้สะดวก

การรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยเลเซอร์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด ที่นำเอาการพัฒนาด้านเทคโนโลยีมาปรับใช้ โดยในปัจจุบันมีการนำเอา Holminum laser หรือ HoLEP (Holmium laser enucleation of the prostate) เข้ามาประยุกต์ใช้ในการผ่าตัดต่อมลูกหมากได้ทุกขนาดอย่างแพร่หลาย ซึ่งได้มีการพัฒนาเทคนิคมาอย่างต่อเนื่องจนมีประสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยใช้พลังงานเลเซอร์ในการเลาะเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากที่ขวางท่อทางเดินปัสสาวะออกทั้งหมด หลังจากที่เนื้อเยื่อต่อมลูกหมากหลุดออกและถูกดันเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะแล้ว แพทย์จะใช้เครื่องมือเข้าไปปั่นเอาเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากออก ซึ่งจะสามารถนำเนื้อเยื่อดังกล่าวไปส่งตรวจทางพยาธิวิทยาได้ด้วย ข้อดีของการรักษาด้วยวิธีนี้ คือ ช่วยลดโอกาสในการสูญเสียเลือดในขณะผ่าตัดได้ดี ให้ผลลัพธ์การรักษาที่น่าพึงพอใจอย่างมาก และมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำภายในช่วงระยะเวลา 10 ปีเพียง 0.7% เทคนิคดังกล่าวเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีความกังวลในเรื่องปริมาณน้ำอสุจิภายหลังการผ่าตัด

นพ. จักร์กฤษณ์ อิศญาณุวัฒน์ แพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้นำเทคโนโลยีในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ (Water Vapor Therapy) เข้ามาใช้เป็นแห่งแรกในประเทศไทย ในปี 2564 ซึ่งเป็นวิธีการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะลำบาก ที่เกิดจากโรคต่อมลูกหมากโตที่มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยเทคโนโลยีการรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ มีผลงานวิจัยรองรับว่ามีประสิทธิภาพและได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2558 และได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทย ในช่วงต้นปี 2564 โดยที่ผ่านมา ศูนย์ทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้ทำการรักษาผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตด้วยเทคโนโลยีไอน้ำสำเร็จแล้ว 276 ราย ซึ่งคิดเป็น 30% ของจำนวนผู้ป่วยทั้งประเทศที่รักษาด้วยวิธีนี้ และศูนย์ทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ยังได้รับการรับรองจาก Boston Scientific ของประเทศสหรัฐอเมริกาให้เป็น “ศูนย์ความเป็นเลิศ” ด้านการรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำแห่งแรกในเอเชีย นับเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในเรื่องของการรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์สูง

การรักษาด้วยวิธีนี้ใช้เวลารักษาเพียง 10-15 นาที โดยใช้การส่องกล้องเข้าไปในท่อปัสสาวะและฉีดไอน้ำเข้าไปในต่อมลูกหมาก ทำให้เซลล์ต่อมลูกหมากที่อุดตันท่อทางเดินปัสสาวะตาย หลังจากนั้นร่างกายจะกำจัดเซลล์ที่ตายออกไปตามธรรมชาติ ทำให้ท่อปัสสาวะกว้างขึ้น ปัสสาวะได้คล่องขึ้น เป็นวิธีที่สะดวก ไม่ส่งผลต่อสุขภาพทางเพศหรือส่งผลน้อยมาก และภาวะแทรกซ้อนน้อย ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้โดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล

นพ. อธิป ฉัตรสุทธิพงษ์ แพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ล่าสุดศูนย์ทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้นำเทคโนโลยียูโรลิฟต์ (UROLIFT) เข้ามาใช้กับผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดย UROLIFT เป็นหนึ่งในวิธีการในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) มาตั้งแต่ปี 2556 และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทยเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2567 

เทคโนโลยี UROLIFT เป็นการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตแบบรุกล้ำน้อยเพื่อขยายท่อปัสสาวะที่ต่อมลูกหมากกดทับให้กว้างขึ้น โดยก่อนการทำหัตถการ แพทย์จะให้ยาสงบประสาทแบบอ่อน ๆ หลังจากนั้นแพทย์จะใช้เครื่องมือและส่องกล้องเพื่อนำอุปกรณ์ขนาดจิ๋วที่ทำจากสแตนเลสสตีลเกรดการแพทย์ และโลหะพิเศษนิทินอลที่มีความยืดหยุ่นสูง ผ่านทางท่อปัสสาวะเข้าไปยังต่อมลูกหมาก หลังจากนั้นแพทย์จะใส่อุปกรณ์ขนาดจิ๋วประมาณ 4-6 ตัว ขึ้นอยู่กับขนาดและความรุนแรงของโรค เข้าไปยังต่อมลูกหมากเพื่อดึงเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากให้ถ่างออกจากท่อปัสสาวะ เป็นหัตถการที่ไม่มีการตัดหรือเจาะที่อวัยวะใด ๆ ทั้งสิ้น และใช้เวลาเพียง 30 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง

ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินอาการและให้คำแนะนำเกี่ยวกับทางเลือกในการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยปัจจัยของผู้ที่เหมาะกับการรักษาด้วยเทคโนโลยี UROLIFT นั้น ควรจะเป็นผู้ที่ต่อมลูกหมากโตปานกลางถึงใหญ่ แต่มีขนาดไม่เกิน 100 กรัม, ผู้ที่ยังปัสสาวะได้หรือปัสสาวะแล้ว ยังมีปัสสาวะเหลือค้างไม่เกิน 350 ซีซี, ผู้ที่อายุมากหรือมีสุขภาพไม่แข็งแรง ที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัดใหญ่ หรือผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพทางเพศ เป็นต้น

โรคต่อมลูกหมากโตถึงแม้จะป้องกันไม่ได้ แต่สามารถรักษาได้หลากหลายวิธี ดังนั้น คุณผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำทุกปี และหากมีอาการปัสสาวะผิดปกติ ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ เพื่อหาแนวทางรักษาแต่เนิ่น ๆ เพื่อผลลัพธ์การรักษาสูงสุดและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน

ศูนย์ทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและมีความชำนาญเฉพาะทางครอบคลุมทุกสาขา พร้อมส่งมอบการดูแลและผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ป่วย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษาได้ที่ศูนย์ทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ชั้น 16 อาคาร A (คลินิก) โทร. 0 2066 8888, 061 409 3943 (Hotline) หรือโทร. 1378