เอสซีจี เคมิคอลส์ กวาดรางวัล Prime Minister’s Industry Award 2021

เอสซีจี เคมิคอลส์ ธุรกิจปิโตรเคมีเพื่อความยั่งยืน คว้า 4 รางวัลจากงาน Prime Minister’s Industry Award 2021 โดย “บริษัท มาบตาพุดโอเลฟินส์ จำกัด” ในเอสซีจี เคมิคอลส์ ได้รับรางวัล “อุตสาหกรรมยอดเยี่ยม ประจำปี 2564” ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติระดับสูงสุดของประเทศ นอกจากนี้ ยังมีอีก 3 บริษัทในกลุ่มธุรกิจฯ เดินหน้ารับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทเศรษฐกิจหมุนเวียน ประเภทความรับผิดชอบต่อสังคม และประเภทการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม สะท้อนความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการโรงงานด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ตลอดกระบวนการในห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) พร้อมตอกย้ำความสำเร็จด้าน ESG (Environmental, Social, and Governance) เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ซึ่งเอสซีจี เคมิคอลส์ ยึดถือเป็นแนวทางการดำเนินงาน เพื่อให้ธุรกิจอุตสาหกรรมเติบโตควบคู่ไปพร้อมๆ กับสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

พิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2564 (Prime Minister’s Industry Award  2021) โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับเกียรติจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการมอบรางวัล ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก โดยบริษัท มาบตาพุดโอเลฟินส์ จำกัด ในเอสซีจี เคมิคอลส์ ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดที่มีเพียงหนึ่งรางวัล โดยคัดเลือกจากสถานประกอบการที่เคยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ประเภท และต้องเป็นกิจการที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ โดยมี นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล กรรมการผู้จัดใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ เป็นผู้รับรางวัล พร้อมกับอีก 3 รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ได้แก่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ได้รับรางวัลประเภทเศรษฐกิจหมุนเวียน บริษัท ระยองโอเลฟินส์ จำกัด ได้รับรางวัลประเภทความรับผิดชอบต่อสังคม และบริษัท ไทย เอ็มเอ็มเอ จำกัด ได้รับรางวัลประเภทการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม

นายธนวงษ์ เปิดเผยว่า “เอสซีจี เคมิคอลส์ มีแนวทางการบริหารจัดการโรงงานโดยมุ่งพัฒนาโรงงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ รวมทั้งการจัดการโรงงานให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการบริหารความปลอดภัยตามมาตรฐานสากลด้วยระบบ PSM (Process Safety Management) และการดูแลสังคมชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมา โรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ ได้ยกระดับการบริหารจัดการโรงงานสู่ความเป็นเลิศมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้นำเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) มาประยุกต์ใช้ตลอดกระบวนการในห่วงโซ่คุณค่า ทำให้กระบวนการผลิตถูกต้องและแม่นยำมากที่สุดด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อประมวลข้อมูลทางการตลาด เทคโนโลยี Digital Twin เพื่อทำนายเหตุการณ์ในโรงงานที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแม่นยำ ทำให้สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ล่วงหน้า รวมถึงแพลตฟอร์มการจัดการประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้โรงงานสามารถทำงานได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังพัฒนาระบบการจัดการคุณภาพองค์กร (Total Quality Management : TQM) ที่เชื่อมโยงเป้าหมายบริษัทและการปฏิบัติการจริงให้กับพนักงานทุกระดับ พัฒนาทักษะความสามารถของพนักงานให้ทัดเทียมระดับสากล รวมไปถึงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน เช่น การส่งเสริมรายได้ให้กับชุมชนรอบโรงงาน จำนวนกว่า 27 ล้านบาทต่อปี”

“สำหรับอีก 3 รางวัลที่บริษัทฯ ในกลุ่มเอสซีจี เคมิคอลส์ได้รับ ได้แก่ อุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทเศรษฐกิจหมุนเวียน ประเภทความรับผิดชอบต่อสังคม และประเภทการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็น “ธุรกิจปิโตรเคมีเพื่อความยั่งยืน” ที่ดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และได้ประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลก และสร้างการเติบโตระยะยาวอย่างยั่งยืน” นายธนวงษ์ เสริม

ทั้งนี้ รางวัล Prime Minister’s Industry Award หรือรางวัลอุตสาหกรรม จัดขึ้นโดยกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อประกาศเกียรติคุณและให้กำลังใจผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่เป็นแบบอย่างในการสร้างสรรค์ประโยชน์ต่อวงการอุตสาหกรรมของประเทศ และเป็นเครื่องการันตีถึงความมุ่งมั่นของภาคเอกชนในการพัฒนาธุรกิจ และผลิตภัณฑ์ที่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบอย่างต่อเนื่องโดยดำเนินการปีนี้สู่ปีที่ 29 โดยจะมีรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 15 ประเภทรางวัล ซึ่งปีนี้มีสถานประกอบการสมัครเข้ารับการคัดเลือกจำนวนทั้งสิ้น 332 ราย โดยมีสถานประกอบการผ่านการคัดเลือกให้เข้ารับรางวัลจากนายกรัฐมนตรีจำนวนทั้งสิ้น 63 ราย