Let’s Play with Fire! @ Carne (การ์เน่) สุขุมวิท 23 อร่อยหรูสไตล์ละตินอเมริกา

ร้านอาหารอร่อยย่านสุขุมวิทอาจมีให้เลือกมากมายหลายร้าน แต่ร้านอาหารที่ทั้งอร่อยและมีสไตล์ชัดเจนยังมีไม่มากนัก เปิดโอกาสให้ Carne (การ์เน่) ร้านอาหารน้องใหม่แทรกตัวขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าด้วยสไตล์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร

ร้าน Carne เพิ่งเปิดให้บริการได้เดือนเศษ ฟู้ดดี้ตัวจริงควรรีบไปเช็คอินก่อนใครนะคะ ตัวร้านตั้งอยู่ระหว่างสุขุมวิท 21 และ 23 การเดินทางสะดวกสบายมากค่ะ สามารถนำรถยนต์มาจอดรถภายในบริเวณร้านได้เลย หรือจะเดินทางด้วยรถสาธารณะ BTS, MRT  ลงอโศก-สุขุมวิท เดินเข้าซอยสุขุมวิท 21 ซ.2 ไม่ไกลมาก ร้านตั้งโดดเด่นอยู่หัวมุมถนน ด้านหน้าเป็นกำแพงสีอิฐ ดีไซน์เก๋ มองจากด้านนอกจะไม่เห็นตัวร้านนะคะ ต้องเดินผ่านทางเดินเล็กๆ เข้าไป สุดทางมีประติมากรรมรูปวัวตัวใหญ่ตั้งอยู่ ซ้ายมือเป็นประตูทางเข้า มีบริกรสาวยืนยิ้มต้อนรับ เมื่อเดินเข้ามาภายในร้านสัมผัสได้ถึงความเป็นส่วนตัว ตัดขาดจากความพลุกพล่านใจกลางย่านธุรกิจไปชั่วขณะ ร้านจะเริ่มเปิดบริการ 17.00 น. เหมาะสำหรับการสังสรรค์หลังเลิกงาน อร่อยกับอาหารค่ำ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ และจิบเครื่องดื่มเบาๆ ก่อนกลับบ้าน

ภายในร้านตกแต่งเรียบหรูในสไตล์ลอฟท์ ให้ความรู้สึกอบอุ่นคล้ายบ้าน แบ่งเป็นโซนรับประทานอาหารและครัวเชื่อมต่อกัน  ชอบตรงที่ครัวเป็นแบบครัวเปิด เผยให้เห็นการปรุงอาหารของเชฟทุกขั้นตอน ถือเป็นจุดเด่นของทางร้านเลยละ เพราะถ้าไม่เจ๋งจริงคงไม่กล้าโชว์ขนาดนี้

วันนี้ทีมของเราได้รับการต้อนรับอย่างเป็นกันเองจาก “คุณธนพร มารควัฒน์” และ “คุณพลอยพรรณ มารควัฒน์” Executive Director ของ CARNE ที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจร้านอาหารมานานนับสิบปี และเป็นผู้นำเทรนด์อาหารแนวใหม่มาเสิร์ฟให้นักกินได้ลิ้มลองกันอยู่เสมอ ทั้งสองเล่าให้ฟังว่าการ์เน่เป็นร้านอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจฝั่งสเปนและอเมริกาใต้ หลายเมนูจึงมีกลิ่นอายของอาหารสเปนและอเมริกาใต้ คุณพลอยพรรณบอกว่า “จุดเด่นของอาหารเราจะเน้นไปที่รสชาติเข้มข้น เทคนิคการทำ และวัตถุดิบชั้นเลิศจากประเทศไทย” ซึ่งเราก็เห็นด้วย เพราะอาหารทุกจานที่นำมาเสิร์ฟ ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันจริงๆ ตั้งแต่การเลือกสรรวัตถุดิบจนถึงการปรุง จุดเด่นของการปรุงคืออาหารทุกเมนูเขาจะ “เล่นกับไฟ” ไม่ว่าจะย่าง (Grill) อบ (Roast)  รมควัน (Smoke) ทำให้อาหารมีความละเมียดและกลิ่นหอมเฉพาะที่คุณต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวเอง

คุณธนพรเล่าถึงที่มาของร้านว่า ‘CARNE’ ในภาษาสเปนและอิตาลี แปลว่า ‘Meat’ ซึ่งทางร้านคัดสรรส่วนต่างๆ ของเนื้อวัวชั้นดีจากทั่วโลกมาปรุงเป็นอาหารสูตรเฉพาะของที่นี่ ซึ่งคำว่า “เนื้อ” ของการ์เน่ ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเนื้อวัวเท่านั้น ยังหมายรวมถึงเนื้อสัตว์อื่นๆ เช่น ไก่ หมู ปลา กุ้ง ปลาหมึก ซึ่งทางร้านคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีเช่นกัน แม้อาหารที่นี่จะมีกลิ่นอายของสเปนและอเมริกาใต้ แต่ทางร้านพยายามใช้วัตถุดิบของไทยมาเป็นส่วนประกอบในการปรุง ไม่ว่าจะเป็นไก่เบญจา (ไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้องอุดมด้วยคุณค่าสารอาหาร) เนื้อปลาตกเบ็ดจากเกาะลันตา หมูดำของชาวบ้าน และเนื้อวัวพื้นบ้านของไทยผสมกับวัววากิว หรือผักพื้นบ้านที่ทางร้านปลูกเอง เช่น ผักกระสัง มาใช้ในเมนูสุดหรูได้อย่างไม่เคอะเขิน ที่สำคัญคือเชฟสามารถปรุงออกมาได้อย่างลงตัวและอร่อยมากๆ

พูดถึงอาหารมาขนาดนี้แล้ว ไม่พูดถึงหัวหน้าเชฟก็คงเหมือนมาไม่ถึงร้าน CARNE เชฟมาเตโอ โรเบอร์สัน (Mateo Roberson) เป็นเชฟหนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน-เม็กซิกัน เขาเกิดและเติบโตมากับครอบครัวที่เปิดร้านอาหารในเท็กซัส ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเชฟถึงได้หลงใหลการทำอาหารตั้งแต่เด็ก เขาเริ่มออกเดินทางไปหาประสบการณ์กับร้านอาหารดังๆ ระดับมิชลินหลายประเทศ จนกระทั่งเดินทางมาถึงเมืองไทย เพราะอยากจะลองทำอาหารไทยดูบ้าง และได้มาพบกับคุณพลอยพรรณและคุณธนพร จึงคลิกไอเดียเกิดเป็นร้านอาหาร “การ์เน่” ที่มีคอนเซ็ปต์โดดเด่นไม่เหมือนใครขึ้นมา

ตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านเราก็เห็นเชฟมาเตโอง่วนอยู่กับการปรุงอาหาร ไม่หยุดมือเลย คุณธนพรแอบกระซิบว่าเชฟค่อนข้างจริงจังกับการปรุงอาหารมาก ทั้งการเลือกสรรวัตถุดิบและรสชาติ ไม่ให้ผิดเพี้ยน รวมถึงการตกแต่งจานที่จะต้องผ่านสายตาเหยี่ยวของเชฟมาเตโอ เห็นความตั้งอกตั้งใจในการปรุงอาหารของเชฟแล้ว การันตีได้ว่าอาหารทุกจานต้องอร่อยตามสูตรของเชฟ ไม่ผิดเพี้ยนอย่างแน่นอน

เริ่มกันที่เมนูทานเล่นก่อน Pan de cassava  (150 บาท) เป็นขนมปังชีส (Cheese Bread) สไตล์บราซิลกับโคลัมเบีย โดยใช้ชีส Gorgonzola DOP ที่ขึ้นชื่อของอิตาลี แล้วนำไปอบจนข้างนอกเหลืองกรอบ แต่ข้างในยังคงความนุ่มอยู่ โรยด้วยเกลือ Smoke Sea Salt  ออกรสเค็มนิดๆ กัดเข้าไปหอมชีสมากๆ จานแรกก็ฟินน์แล้วค่ะ

เมนูสลัดที่นี่มีให้เลือกเยอะมาก เราสั่งมาเกือบทุกอย่าง เช่น Ember Roasted beetroot  (260 บาท) จานนี้ดูจากวัตถุดิบแล้วสายเฮลตี้น่าจะชอบ เป็นสลัดบีทรูท เอาบีทรูทไปอบกับสมุนไพรแล้วพอกด้วยเกลือ มีกลิ่นหอมของกานพลูด้วย ทานกับผักเรดวอเตอร์เครสที่ทางร้านปลูกเอง น้ำสลัดจะเป็น Black Mint & Basil ชอบตรงที่มีไวท์กับแบล็กคีนัวและถั่วพีแคนซึ่งทางร้านอบเอง เฮลตี้สุดๆ  

ซีซ่าร์สลัด เมนูนี้อาจจะดูธรรมดา แต่ Baby Cos Caesar (240 บาท) ของที่นี่ ต่างจากที่อื่นตรงที่เขาใช้ผักเบบี้คอสทั้งหมด ได้ความกรุบกรอบ ส่วนขนมปังเชฟใช้เป็นข้าวโพดแทน (Cornbread Croutons) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการกินที่บ้านเกิดเชฟ แปลกและอร่อยไปอีกแบบ ส่วนน้ำสลัดเป็นสูตรของที่นี่เอง โดยเชฟนำเอาอินทผาลัมมาสโมกเพื่อตัดความเค็มของแองโชวี โรยด้วยผิวเลมอน และชีสนมแกะ (fiore sardo) เมนูนี้เชฟแอบใส่ส่วนผสมลงไปเยอะมาก ทำให้ซีซ่าสลัดจานนี้มีทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ครบรสจริงๆ

ใครชอบข้าวโพดแนะนำ Sweet Corn Succotash (150 บาท) เขาใช้ข้าวโพดไทยนี่ละค่ะไปย่างเตาถ่านให้เกรียมเล็กน้อย แล้วนำมาผัดไฟแรงกับ Chorizo (แหนมสเปน) ปรุงรสด้วยซอสพีมันเทา (Pimentao) จากโปรตุเกส รสออกรสเผ็ดนิดหน่อย เสิร์ฟมาพร้อมกับซอส Smoked Aioli  และ Grilled Lime หอมกลิ่นรมควัน เวลาทานก็คลุกเคล้าให้เข้ากัน จะได้รสหวานของข้าวโพด เปรี้ยวและเผ็ดนิดๆ

อีกหนึ่งจานสลัดที่หน้าตาน่ากินไม่แพ้กัน คือ Radicchio and spinach (240 บาท) เขานำผัก Radicchio และ Spinach มาเสิร์ฟพร้อมส้มย่างให้ความรู้สึกสดชื่น น้ำสลัดทำจากเกสรผึ้งและชีส Gorgonzola DOP แค่นี้ก็อร่อยลืมแล้วค่ะ  

ที่ Carne มีเมนูพาสต้าให้เลือก เช่น Pappardelle, Risotto  แต่วันนี้เราแนะนำเป็น Risi (480 บาท) หน้าตาคล้ายริซอตโตแต่ไม่ใช่ค่ะ เป็นพาสต้ารูปข้าวเม็ดเล็กมาก นำมาผัดกับซอสมิโซะมันปู ใส่ทรัฟเฟิลฝานบางๆ ท็อปด้วยสเปกแฮมรมควัน ให้หอมน่าทาน ตักขึ้นมาแอบมีเนื้อปูก้อนใหญ่เต็มคำมาก อร่อยเหลือเชื่อจริงๆ มีความครีมมี่มากๆ แต่ไม่เลี่ยนแต่ประการใด

อย่างที่บอกว่าอาหารสไตล์ละตินอเมริกาจะมีความจี๊ดจ๊าดอยู่ในตัว เช่น Sea bass ceviche (320 บาท) เป็นยำสไตล์เปรูค่ะ ซอสหรือน้ำยำจี๊ดโดนใจเลย เขานำปลากะพงขาวตกเบ็ดจากเกาะลันตามาปรุงสไตล์เซบิเช่ (การหั่นปลาดิบแบบญี่ปุ่น) เสิร์ฟพร้อมน้ำยำ Tiger’s Milk เป็นยำสไตล์เปรู รสชาติจัดจ้าน เปรี้ยวนำ ท็อปด้วยซัลซาชมพู่กับอโวคาโดและชิปมันม่วง กินแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นมาก  ถ้ายังเผ็ดไม่พอ สั่ง Grill Padron  Peppers (180 บาท) เป็นพริกสเปนย่างใส่กับดอกเกลือไทย เพิ่มรสชาติเมนูอาหารให้จี๊ดจ๊าดขึ้น

เมนูที่แปลกสำหรับเรา และเพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก คือ Bone Marrow (350 บาท) เป็นไขกระดูกวัวเสิร์ฟมาทั้งแท่ง ท็อปด้วยซอส Romesco เป็นซอสมาจากสเปนตอนเหนือในแคว้นคาตาโลเนีย ซอสโรเมสโก้ทำจากอัลมอนด์กับฮัสเซลนัทเป็นหลัก เวลากินจะมีความกรุบกรอบนิดหนึ่ง เสิร์ฟมากับซอส Boquerones  (Marinated White Anchovy) และขนมปังอิตาลี Focaccia สไตล์โฮมเมด เวลากินต้องตักทั้งเลเยอร์เลยค่ะ พอพูดถึงไขกระดูกวัวบางคนอาจจะไม่กล้ากิน แต่บอกเลยว่าเขาผ่านกระบวนการทำความสะอาดอย่างดี เอาไขกระดูกวัวมาแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อล้างเอาเมือกต่างๆ ออกไป แล้วขัดให้สะอาด ก่อนนำไปอบ รับรองว่าสะอาดไม่มีกลิ่นแต่อย่างใดค่ะ

ใครชอบลิ้นวัวบอกเลยว่าต้องสั่งเมนูนี้ Wagyu Beef Tongue (380 บาท) เขามีขั้นตอนการทำที่ละเมียดมาก โดยนำลิ้นวัววากิวไป Slow Cook ข้ามคืนมากกว่า 20 ชม. ค่อยๆ ตุ๋นให้นุ่ม แต่ไม่เละ ยังได้เคี้ยว และนำไปย่างให้หอม เสิร์ฟมาพร้อมกับ Worm Salsa Molcajete เป็นซัลซ่าแบบอุ่นรสชาติออกเปรี้ยว ทำจากมะเขือเครือ ซึ่งเป็นมะเขือพื้นบ้านของไทย ลูกเล็กๆ ให้รสเปรี้ยวตามต้นตำรับ โรยด้วยเมล็ดฟักทอง เมล็ดแตงโมและลูกผักชี

จานต่อไปเป็นทะเลค่ะ Octopus Adobo  (390 บาท) เนื้อปลาหมึกนุ่มมาก ไม่เหนียวเลย ทั้งที่ใช้ปลาหมึกสายของไทย คุณธนพรบอกว่าเคล็ดลับคือต้องเอาไปตุ๋นให้นุ่มก่อน เสร็จแล้วก็มาหมักด้วยสมุนไพรแล้วเอาไปย่าง เสิร์ฟมาพร้อมกับสลัดใบชะคราม ส่วนข้างล่างเป็น “พิวเร่ถั่วขาว” เพื่อให้มีความครีมมี่มากขึ้น ลงตัวมาก

จานต่อไปเป็นเมนูโปรดของเชฟมาเตโอที่กินมาตั้งแต่เด็ก Seafood Cocktail (290 บาท) เลยขอใส่ไว้ในเมนูของร้าน เพราะอยากจะปรุงให้ทุกคนได้ลองกินอาหารของครอบครัวเขา คงทำให้หายคิดถึงบ้านได้บ้าง เป็นสไตล์ละตินอเมริกา เน้นสมุนไพรเป็นหลัก เสิร์ฟมาในแก้วค็อกเทล ข้างในมีอาหารทะเล ปลา กุ้ง ปลาหมึก ในน้ำซอสที่มีมะเขือเทศเป็นหลัก ทานกับผักสมุนไพร ลูกฟักแม้ว รสชาติออกเปรี้ยวนำน่าจะถูกปากคนไทย

คนรักเนื้อต้องรักการ์เน่ค่ะ เพราะเขามีเนื้อให้เลือกหลายชนิด ทั้ง NY Strip, Rib Eye, Wagyu  แต่วันนี้คุณธนพรอยากให้ลอง Skirt เป็นเนื้อส่วนหน้าอกหรือกระบังลม ซึ่งหาทานยาก และเป็นส่วนที่มีกลิ่นหอมที่สุด ว้าว! พูดมาขนาดนี้ต้องลองสักหน่อยแล้ว Skirt Asada (950 บาท) เนื้อส่วนอกนำไปย่างกับน้ำมันมะพร้าวและเครื่องเทศ หอมยั่วน้ำลาย สไลด์เป็นชิ้นพอคำ เสิร์ฟมากับซอส Green Adobo ทำจากเมล็ดฟักทอง ท็อปด้วยซาโยเต้หรือลูกฟักแม้วเคลือบกับน้ำผึ้งแล้วนำไปย่าง ตัวเนื้อมีความฉ่ำนิดๆ ไม่แห้งจนเกินไป เนื้อนุ่มหนึบเด้ง ไม่ผิดหวังจริงๆ 

ใครไม่กินเนื้อแนะนำเป็น Pork Tomahawk (590 บาท) หมูโทมาฮอว์ก ใช้เนื้อหมูคูโรบุตะของไทย นำไปแช่กับน้ำเกลือและสมุนไพรนาน 4 ชม. หลังจากนั้นนำไปหมักกับโคจิเเดงพร้อมเครื่องเทศให้หมูนุ่ม นำไปย่างกับถ่านกะลามะพร้าวให้หอม แล้วอบในเตาถ่านจนสุกกำลังดี เสิร์ฟพร้อมสับปะรดภูเเลซัลซ่าเเละพิวเร่มันหวานญี่ปุ่น และโรยพริกสีเขียวข้างบน เพื่อตัดรสพอดี จานนี้ส่วนตัวชอบนะ เพราะเนื้อหมูนุ่มและหวานมาก

เมนูไก่ก็มีค่ะ Fire Grill Chicken Roulade (480 บาท) เขาใช้ไก่เบญจาซึ่งเป็นไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวไรซ์เบอร์รี่ นำเนื้อไก่มาม้วนกับสมุนไพรเพิ่มความหอม และนำไปย่างให้กรอบนอกนุ่มใน เคล็ดลับคือเอาต้นกระเทียมไปตุ๋นแล้วนำไปย่าง แล้วเอามาทาเนื้อไก่ทีละชิ้นๆ ให้ได้ความหอม เสิร์ฟพร้อม Corn Purée ซอสทำจากข้าวโพด 3 อย่าง เนื้อไก่นุ่มชุ่มซอสมากๆ

เมนูต่อไปเป็นปลาสำหรับคนรักสุขภาพ Grilled Line-Caught Fish (790 บาท) ทางร้านใช้ปลาเก๋าดอกแดงตกเบ็ดจากเกาะลันตา ตัวใหญ่ หนักประมาณ 4 กก. มาย่างจนหนังกรอบ เห็นเนื้อหนาขนาดนี้แต่เขาย่างได้สุกทั่วถึง เมนูนี้แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเนื้อปลาสดหวานอยู่แล้ว กินคู่กับซอส Remoulade แค่นี้ก็ฟินน์แล้ว   

ขนมหวานวันนี้แนะนำเป็น Tres leches  (280 บาท) ขนมเค้กที่ขึ้นชื่อของทางสเปน เนื้อเค้กทำจากแป้งมะพร้าว นำมาแช่นม 3 ชนิด คือ 1. Coconut milk  2. While milk 3. Condense milk เสิร์ฟมากับสับปะรดภูเเลที่นำมา Caramelized กับเหล้ารัม โรยผิวมะกรูด ทานคู่กับไอศกรีม เวลาทานต้องตักพร้อมกันทุกเลเยอร์จะได้รสสัมผัสของเนื้อเค้กที่นุ่มชุ่มนม ความหอมของเหล้ารัม และความเปรี้ยวอมหวานของคาราเมลสับปะรด

นอกจากอาหารจะเริ่ดแล้ว การ์เน่ยังมีเมนูเครื่องดื่มเก๋ๆ ให้คุณดื่มด่ำมากมาย เช่น Aqua de Sandia (200 บาท) เครื่องดื่มม็อกเทล ให้ความสดชื่นของแบล็คมินท์และแตงโม Virgin Huacachina  (200 บาท) เครื่องดื่มม็อกเทลใส่แตงกวาและน้ำสมุนไพรไทยใบเตย Huacachina  (290 บาท) เครื่องดื่มค็อกเทลมีส่วนผสมของเหล้า Smirnoff, ตะไคร้, แตงกวา, น้ำมะพร้าว, น้ำใบเตย และน้ำส้ม

Carne ไม่เพียงเป็นร้านอาหารหรูระดับพรีเมี่ยมเท่านั้น แต่ยังเปิดประสบการณ์การทานอาหารสไตล์ละตินอเมริกาและอเมริกาใต้ที่น่าประทับใจ เผยให้เห็นศิลปะการปรุงอาหารอย่างละเมียดละไม และยังนำวัตถุดิบของไทยมารังสรรค์เข้ากับอาหารประจำชาติได้อย่างลงตัว เป็นสูตรเฉพาะของร้านการ์เน่ ที่เราอยากชวนคุณมาลองสัมผัสด้วยตัวเอง

CARNE เลขที่ 32/2 สุขุมวิท 23 คลองเตยเหนือ วัฒนา กทม. 10110  เปิดบริการ 17.00 – 23.30 น. ติดต่อสำรองโต๊ะ โทร. 0 2163 4971, 06 6069 2288 Facebook/instagram:  carnebkk