เปิดตำนาน “ข้าวมันไก่” สูตรเด็ดที่ “เรือนต้น” ห้องอาหารแนวรีโทร-โมเดิร์น สุดชิค โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ กรุงเทพฯ
พูดถึงข้าวมันไก่ในตำนานหลายคนนึกถึงโรงแรมมณเฑียร เช่นเดียวกันเมื่อเอ่ยชื่อห้องอาหารเรือนต้น ทุกคนจะคิดถึงอาหารไทย-จีน รสชาติโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นข้าวมันไก่ ผัดไทย หอยทอด ขนมผักกาด ติ่มซำ และอีกหลากหลายเมนูที่อยู่คู่กับ “เรือนต้น” โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์มากว่า 40 ปี
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ห้องอาหารเรือนต้นอยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน จนเหมือนเป็นห้องอาหารประจำครอบครัว ที่ว่างเมื่อไรจะต้องแวะเวียนกันมาทาน กลายเป็นหนึ่งในความทรงจำของหลายๆ ครอบครัว ในช่วงที่ห้องอาหารเรือนต้นปิดปรับปรุงไป 18 เดือน บวกกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ห้องอาหารต้องปิดให้บริการชั่วคราว หลายคนอดคิดถึงบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองของที่นี่ไม่ได้ ก็แหม…สั่งข้าวมันไก่มาทานที่บ้าน ก็ไม่เหมือนได้มานั่งทานที่ร้านนี่คะ
ใครที่กำลังบ่นคิดถึงข้าวมันไก่มณเฑียร onedeedee กระซิบว่า ห้องอาหารเรือนต้นกลับมาเปิดบริการแล้วค่ะ แถมกลับมาในรูปโฉมใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม ก่อนอื่น…กรุณาลบภาพห้องอาหารเรือนต้นที่เคยรู้จักออกไปก่อน เพราะเรือนต้นที่เราจะพาคุณไปวันนี้ ไม่เหลือเค้าเดิมของห้องอาหารที่เราเคยรู้จักเลยค่ะ
ห้องอาหารเรือนต้นตั้งอยู่ที่อาคารฝั่งเหนือ โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ เป็นห้องอาหารแบบเปิดโล่ง ไม่มีประตู ใช้การตกแต่งด้วยรถเข็นไม้และชั้นวางเครื่องลายครามจีน ทำให้สามารถมองทะลุเข้าไปถึงด้านในได้ อารมณ์เหมือนร้านอาหารจีนริมทาง
บรรยากาศภายในร้านใหม่ค่อนข้างโอ่โถง กว้างขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 800 ตร.ม. แถมมีโซนที่นั่งให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งแบบเปิดโล่งที่ตกแต่งสไตล์ลอฟท์ เพดานเปลือยดิบๆ นั่งสบายๆ พร้อมบาร์สำหรับแฮงก์เอ้าท์ และโซนที่เป็นห้องส่วนตัว 2 ห้อง 2 สไตล์ เหมาะกับการสังสรรค์หรือรับรองแขก นอกจากนี้ยังมีห้องฟังก์ชั่น 3 ห้อง กั้นด้วยประตูเหล็กพับสไตล์จีน สามารถเปิดทะลุถึงกันได้ โซนนี้เหมาะกับการจัดเลี้ยงทุกรูปแบบ จุคนได้ประมาณ 250 ที่นั่ง ส่วนด้านในสุดเป็นครัวกึ่งเปิด มีเคาน์เตอร์ยาวเป็นสเตชั่นสำหรับปรุงอาหารที่ได้แรงบันดาลใจจากตลาดแบบไทย
บรรยากาศภายร้านในตกแต่งสไตล์รีโทร-โมเดิร์น ที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทย-จีนผสานกัน โดดเด่นด้วยคอลเลคชั่นเครื่องลายครามจีน ของสะสมส่วนตัวของตระกูลตันตกิตติ์ เจ้าของโรงแรมมณเฑียรที่หาชมยาก ผสานกับสิ่งละอันพันละน้อยที่ล้วนมีกลิ่นอายความคลาสสิคของยุคสมัยมาตกแต่งใหม่อย่างลงตัว ชวนให้นึกถึงอดีตวันวาน สำหรับคนที่ชื่นชอบงานแอนทีค ได้มานั่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ก็เพลินแล้วละค่ะ
นอกจากนี้ยังมีกิมมิคเก๋ๆ อย่างเช่นกล่องไม้เก่าที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นเครื่องประดับตกแต่งผนัง ผสานกับการตกแต่งแบบโมเดิร์นและโทนสีย้อนยุคแบบไทยๆ เช่น เขียวใบโหระพา น้ำเงินเข้ม และเหลืองมัสตาร์ด ใครที่ชอบถ่ายรูปมาเช็คอินที่เรือนต้น รับรองไม่ผิดหวัง
บริเวณหน้าร้าน ทางขวามือเป็นอีกโซนหนึ่งที่หลายๆ คนชอบมานั่งชิลล์กัน ตกแต่งคล้ายห้องพักผ่อนสไตล์โมเดิร์น นั่งสบายๆ ด้วยเก้าอี้หลากสีสัน ปูพื้นด้วยกระเบื้องลวดลายกราฟิค โทนขาว-ดำ เพดานตกแต่งด้วยโคมไฟรูปทรงโมเดิร์น บนผนังประดับด้วยรูปภาพเก่าที่บอกเล่าเรื่องราวตำนานของโรงแรมมณเฑียรที่ผ่านมา เหมาะสำหรับการสังสรรค์หรือนั่งแฮงก์เอ้าท์เบาๆ กับเพื่อนฝูงและครอบครัว
คุณมณเฑียร ตันตกิตติ์ ประธานบริหารของโรงแรมมณเฑียร เล่าถึงการกลับมาของห้องอาหารเรือนต้นโฉมใหม่ว่า “เรามีความยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เผยโฉมประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของห้องอาหารเรือนต้น พร้อมกับได้ต้อนรับลูกค้าเก่าของเราอีกครั้ง นอกจากนี้เราพร้อมที่จะต้อนรับลูกค้าใหม่ที่สนใจในห้องอาหารเรือนต้นโฉมใหม่นี้ด้วยครับ ทีมออกแบบของเราสร้างสรรค์ร้านอาหารแห่งนี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และทำให้ห้องอาหารเรือนต้นดูแตกต่างและน่าตื่นตาตื่นใจมากในหลายๆ แง่มุม ทั้งในส่วนของรายละเอียดการตกแต่ง ไปจนถึงส่วนครัวแบบเปิด ในบรรยากาศที่เป็นมิตร”
ไม่แปลกใจที่เรือนต้นวันนี้จะดูเก๋และมีสไตล์ขึ้น เพราะได้ทีมออกแบบตกแต่งที่มีคุณภาพอย่างบริษัทอินทีเรียร์ดีไซน์ชั้นนำ P49 มาเนรมิตห้องอาหารที่เคยเป็นเหมือนห้องอาหารของครอบครัว ให้กลายเป็นร้านอาหารสุดชิคและสถานที่แฮงก์เอ้าท์แห่งใหม่ที่ถูกใจคนทุกเพศทุกวัย และยังรองรับงานเลี้ยงและงานสังสรรค์ได้ในทุกโอกาส เป็นการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ ที่ชื่นชอบอาหารไทย-จีนที่หาทานยากขึ้นทุกวัน ซึ่งคุณมณเฑียรบอกอีกว่า ห้องอาหารเรือนต้นเป็นการนำร่องเฟสแรกของโครงการปรับปรุงโรงแรมมณเฑียน สุรวงศ์ และมีแผนที่จะเปิดตัว “พระรามสี่” ห้องอาหารแบบบิสโทรและไวน์บาร์ ก่อนโรงแรมจะเปิดทำการอย่างเต็มรูปแบบกลางปี 2564 รับรองว่าไฉไลไม่แพ้กัน
แม้ว่า “เรือนต้น” จะเปลี่ยนโฉมใหม่ให้ทันสมัย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือบรรยากาศของที่นี่ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นพนักงานต้อนรับหรือทีมงานที่นำโดย “เชฟอำนวย เอนกสุวรรณ์” Executive Chef ผู้รังสรรค์เมนูเด็ดให้เรือนต้นเป็นห้องอาหารที่มีชื่อเสียง และได้รับรางวัล “บิบกูร์มองด์” จากมิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ด้วยอาหารที่มีเอกลักษณ์และรสชาติโดดเด่น โดยเฉพาะเมนูซิกเนเจอร์อย่างข้าวมันไก่ไหหลำ ที่กลายเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน วันนี้เชฟอำนวยกลับมาประจำการที่โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์แล้ว และพร้อมที่จะรังสรรค์เมนูคลาสสิค ภายใต้แนวคิด “Authentic Thai-Chinese Cuisine” ไม่ว่าจะเป็นข้าวมันไก่ หอยทอด ผัดไทย ราดหน้าจักรพรรดิ ขนมผักกาด ฯลฯ ให้คุณได้ลิ้มลองกันอีกครั้ง และวันนี้เชฟอำนวยยังใจดีเผยเคล็ดลับเมนูข้าวมันไก่ในตำนานเป็นวิทยาทานให้ฟังเราอีกด้วย
ข้าวมันไก่มณเฑียรเกิดจากความตั้งใจของคุณบุญเนตร ตันตกิติ์ เจ้าของโรงแรมมณเฑียร เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ด้วยความที่ท่านเป็นคนชอบทานข้าวมันไก่ไหหลำ และต้องการหาสูตรข้าวมันไก่อร่อยๆ มาเสิร์ฟให้ลูกค้าได้ทานกัน จึงส่งเชฟไปลองทานข้าวมันไก่ตามร้านต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แล้วนำกลับมาปรับปรุงสูตรกว่า 3 ปี จึงได้ข้าวมันไก่สูตรไหหลำฉบับโรงแรมมณเฑียร รวมถึงเมนูอื่นๆ ของเรือนต้นที่ล้วนมาจากความคิดริเริ่มของท่านประธานบุญเนตร ตันตกิติ์ หลังจากนั้นเชฟอำนวยก็เข้ามาสานต่อความอร่อยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว โดยรักษาคุณภาพของอาหารทุกเมนูไว้ให้อยู่ในระดับมาตรฐานโรงแรมมณเฑียร
“ข้าวมันไก่” เริ่มต้นความอร่อยด้วยการคัดเลือกวัตถุดิบอย่างดี และปรุงอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกไก่ตอนจากซัพพลายเออร์ที่ผูกขาดกันมายาวนานกว่า 40 ปี โดยทางฟาร์มจะเลี้ยงไก่จนอายุได้ 26 วันแล้วทำการตอนไก่ จากนั้นเลี้ยงต่อจนได้น้ำหนักประมาณ 3.8 – 4.2 กิโลกรัม ก่อนจะส่งมาที่โรงแรมทุกวัน เชฟบอกว่าต้องใช้ไก่สด ไม่แช่แข็ง โดยเชฟจะนำไปแช่แข็งเองประมาณ 1-2 วัน แล้วนำไปต้มในหม้อสตรีมระบบไฟฟ้าประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที จากนั้นนำไปแช่ช่องเย็นทั้งตัว เพื่อให้เนื้อไก่เซ็ตตัว เพราะถ้าทิ้งให้เย็นในอุณหภูมิปกติ ความร้อนจะค่อยๆ เลียผิว ทำให้เนื้อไก่แห้งและกระด้าง ไม่มีรสชาติ หลังจากนั้นนำออกมาแล่เป็นชิ้น จะได้ชิ้นไก่ที่สวยงาม ไม่ยุ่ย เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่น้ำมันงาสูตรพิเศษ ที่ปรุงรสให้มีความหวาน ความเค็ม ความหอม ไม่มันเลี่ยนเหมือนน้ำมันงาทั่วไป เชฟบอกว่าที่ต้องราดน้ำมันงาเพราะธรรมชาติของไก่จะมีกลิ่นคาวในตัว หลังจากสับไก่เสร็จแล้ว เชฟจะราดด้วยน้ำมันงาสูตรลับของมณเฑียรเพื่อดับคาว
มาถึงข้าวมันกันบ้าง ที่นี่ใช้ข้าวหอมมะลิคัดพิเศษ เป็นข้าวกลางเก่ากลางใหม่ เพื่อให้ได้เม็ดข้าวเรียงสวย ไม่แฉะหรือร่วนเกินไป หุงในหม้อที่สั่งทำพิเศษ เป็นหม้อกึ่งเตาอบกึ่งแก๊ส ซึ่งการหุงข้าวด้วยหม้อตัวนี้ จะเหมือนการหุงข้าวด้วยวิธีโบราณ พอหุงเสร็จ แก๊สจะตัด ข้าวจะถูกอบอยู่ในหม้อ ค่อยๆ ไล่ไอน้ำระเหยออกไป ทำให้ข้าวนุ่ม หอมอร่อย
ส่วนผสมที่ทำให้ข้าวมันหอม คือ น้ำมันเจียวไก่ จากเปลวไก่ช่วงสะโพกและช่วงก้นของไก่ และน้ำสต๊อกจากน้ำต้มไก่ นำน้ำมันไก่มาเจียวกับกระเทียมสับพอเหลือง ใส่ลงในข้าวที่ซาวจนสะอาดดีแล้ว ตามด้วยน้ำสต๊อกไก่ทันที เพื่อลดความร้อนของกระเทียม เพิ่มความหอมของข้าวด้วยขิงแก่ฝาน 2-3 ชิ้น ใบเตย 2-3 ใบ เชฟบอกว่าการหุงข้าวมันจะยากกว่าการหุงข้าวธรรมดา เพราะน้ำมันไก่จะทำให้ข้าวรัดตัว ต้องใส่น้ำมากกว่าข้าวธรรมดา เพื่อไม่ให้ข้าวแข็งเกินไป “บอกเลยว่ากินแค่ข้าวก็อร่อยแล้ว” เชฟการันตี พร้อมแนะวิธีกินข้าวมันไก่ให้อร่อยคือ “ไก่กินอุณหภูมิปกติ และข้าวกินอุณหภูมิที่ร้อน”
มาถึงตัวชูรสของข้าวมันไก่ คือ “น้ำจิ้ม” ดั้งเดิมมี 3 สูตร เชฟอำนวยคิดค้นเพิ่มอีกหนึ่งสูตรตามคำแนะนำของท่านประธาน ทำให้ข้าวมันไก่มณเฑียรมีน้ำจิ้มให้เลือก 4 สูตรด้วยกัน สูตรแรก เป็นน้ำจิ้มซีอิ้ว กระเทียม พริกซอย ขิง รากผักชี กระเทียม เต้าเจี้ยว รสชาติจัดจ้าน สูตรที่ 2 เป็นสูตรที่เชฟอำนวยคิดค้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว หน้าตาเหมือนน้ำจิ้มข้าวมันไก่ทั่วไป คือ ซีอิ้ว ขิง รากผักชี และพริกขี้หนูปั่น แต่สัดส่วนความเข้มข้นและความเผ็ดไม่เหมือนกัน เป็นสูตรเฉพาะของที่นี่ รสชาติจะออกรสเปรี้ยวนำนิดหนึ่ง สูตรที่ 3 เป็นน้ำจิ้มขิง โดยต้มน้ำให้เดือด ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว เกลือ น้ำตาล ทิ้งไว้ให้อุ่น แล้วเอาขิงแก่สับละเอียดใส่ลงไป ทิ้งไว้ในอุณหภูมิปกติ แล้วเก็บเข้าตู้เย็น ก็จะได้น้ำจิ้มขิงสูตรเด็ดที่หลายคนติดใจ สุดท้ายคือน้ำจิ้มซีอิ๊วหวาน สำหรับเด็กๆ และคนไม่ทานเผ็ด ซึ่งเชฟนำซีอิ๊วดำมาปรุงรสใหม่เป็นสูตรเฉพาะของที่นี่เหมือนกัน
“ข้าวมันไก่” เสิร์ฟมาบนถาดไม้ ในเซ็ตประกอบด้วย ไก่ตอน 1 จาน สามารถเลือกส่วนที่ชอบได้ เชฟแนะนำว่าส่วนที่อร่อยที่สุดคือ “สะโพก” และ “น่อง” เสิร์ฟพร้อมเลือดไก่ ใครไม่ทานบอกได้ค่ะ ข้าวมัน 1 ถ้วย น้ำซุป ผักสด และน้ำจิ้ม 4 สูตร ราคา 320 บาท เนื้อไก่ตอนหนานุ่ม ชุ่มน้ำ ไม่แห้งหรือกระด้างเลย หอมน้ำมันงาที่ราดบนไก่ ไม่มีกลิ่นคาวไก่เลย เนื้อไก่ชิ้นอวบๆ จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรเด็ด แนะนำให้ลองทุกสูตร ทานคู่กับข้าวมันที่หุงสุกกำลังดี ไม่แฉะหรือแข็งเกินไป ข้าวมีกลิ่นหอมของขิงและกระเทียม ซดกับน้ำซุปไก่ใส่ฟักแก่ร้อนๆ
ข้าวมันไก่มณเฑียรรสชาติมาตรฐาน สมเป็นข้าวมันไก่ในตำนานจริงๆ ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีบวกกับวิธีการปรุงที่พิถีพิถันทุกขั้นตอน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมข้าวมันไก่มณเฑียร จึงเป็นข้าวมันไก่ในตำนานที่ครองใจนักชิมทุกเพศทุกวัยมากว่า 40 ปี ถ้าคุณชื่นชอบข้าวมันไก่ ต้องมาลองกินที่นี่ให้ได้สักครั้ง
ขนมผักกาดกุ้ง (ราคา 280 บาท) เป็นคนชอบทานขนมผักกาดมากๆ เจอที่ไหนเป็นต้องสั่ง แต่หาที่อร่อยถูกใจยากมาก ขนมผักกาดที่นี่เป็นสูตรฮ่องกง แนะนำให้สั่งเลย เนื้อแป้งนุ่มมากๆ ไม่ใช่แป้งล้วนๆ แต่มีส่วนผสมของหัวไชเท้าปรุงรส เป็นสูตรพิเศษของทางร้าน เสิร์ฟมากับกุ้งสด รสชาติกลมกล่อมมาก ทานแล้วติดใจอยากกลับไปทานอีก
หอยทอด (ราคา 290 บาท) เป็นอีกหนึ่งจานเด่นของที่นี่ แป้งบางกรอบมาก หอยตัวโตสะใจ ทานกับซอสพริกเพิ่มรสจัดจ้าน เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ชอบมาก แต่ไม่ค่อยกล้าทานข้างทาง เพราะเห็นน้ำมันที่ใช้ทอดแล้วก็หวั่นใจ แต่ที่นี่เน้นความสะอาด ทานได้แบบสบายใจ
ผัดไทยกุ้งแม่น้ำ (ราคา 320 บาท) สั่งหอยทอดแล้วก็ต้องตามผัดไทย เพราะเป็นของคู่กัน ผัดไทยเป็นเมนูง่ายๆ ที่หาทานได้ทั่วไป แต่ผัดไทยของที่นี่เครื่องแน่น ใช้กุ้งแม่น้ำ 2 ตัวโตๆ เส้นจันทน์เหนียวหนึบ ผัดกับซอสที่ปรุงรสออกเปรี้ยวหวานกำลังพอดี เมนูง่ายๆ แต่อร่อยสุด
ข้าวซี่โครงหมูอบ (ราคา 280 บาท) ใครชอบทานซี่โครงต้องสั่ง เนื้อซี่โครงร่อนและนุ่มมากๆ อบมาในน้ำซอสที่เข้มข้นกลมกล่อมจนเนื้อเปื่อย ทานเล่นก็ได้หรือจะทานกับข้าวสวยร้อนๆ โปะไข่ดาวยางมะตูม จานเดียวอิ่มค่ะ
ราดหน้าจักรพรรดิ (ราคา 480 บาท) ราดหน้าเส้นใหญ่เครื่องแน่นสุดคุ้มจานนี้ ใช้กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ 2-3 ตัว หมูหมักชิ้นใหญ่ ปลาหมึกกรอบเนื้อหนานุ่ม เห็ดหอมและผักสารพัดชนิด คะน้าฮ่องกง บล็อกโคลี่ ข้าวโพดอ่อน แคร์รอต ฯลฯ เป็นสูตรที่ท่านประธาน คุณบุญเนตรไปลองชิมจากร้านราดหน้าซีฟู้ดเจ้าดัง แล้วนำมาปรับสูตรใหม่ โดยเชฟอำนวยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว กลายเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของเรือนต้นมาจนถึงทุกวันนี้
นอกจากข้าวมันไก่สูตรเด็ด เรือนต้นยังมีอาหารไทย – จีน ให้คุณเลือกอีกมากมาย ตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย อย่าง ยำส้มโอกับกุ้งย่าง, พล่าปลาแซลมอนกับผักกาดแก้ว ประเภทซุป อาทิ ต้มยำกุ้งแม่น้ำ, กระเพาะปลาน้ำแดง/น้ำทอง และอาหารจานหลัก เช่น ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม, กุ้งผัดซอสเอ็กซ์โอ เป็นต้น ติ่มซำของที่นี่ก็ขึ้นชื่อ มาแล้วต้องทาน เสิร์ฟเฉพาะมื้อเที่ยง เวลา 11.30-14.30 น. มีให้เลือกหลายอย่าง อาทิ เสี่ยวหลงเปา, ขนมจีบหมู / กุ้ง, ฮะเก๋ากุ้ง / หอยเชลล์, ซาลาเปาไส้ต่างๆ เปาะเปี๊ย, ฟองเต้าหู้, เผือกทอด เป็นต้น
ของหวานคัดทีเด็ดมาให้คุณไม่กี่อย่าง แต่อร่อยทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็นกล้วยไข่เชื่อม (160 บาท), ลอดช่องน้ำกะทิ (120 บาท), บัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อน (140 บาท), ไอศกรีมและผลไม้ตามฤดูกาล เมนูแนะนำคือ กล้วยไข่เชื่อม เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีม ทุกโต๊ะต้องสั่ง ได้ทั้งความหวานของกล้วยไข่เชื่อมราดกะทิ และความหวานเย็นของไอศกรีมชื่นใจ
เครื่องดื่มมีให้เลือกทั้งซอฟต์ดริ๊ง น้ำผัก – น้ำผลไม้ สมูทตี้ กาแฟและช็อกโกแลตที่เป็นเฮ้าส์แบรนด์ของมณเฑียร นอกจากนี้ยังมีชาออร์แกนิค (Chaidim Organic Tea) ชาไทย, ชาจีน TWG และชามัจฉะเกรดพรีเมี่ยมจากญี่ปุ่น
สงกรานต์ปีนี้ถ้าไม่รู้จะไปเที่ยวไหน ด้วยสถานการณ์โควิด-19 สถานบันเทิงต่างๆ งดจัดงานสงกรานต์ ลองเปลี่ยนบรรยากาศพาครอบครัวไปรำลึกความหลังกับข้าวมันไก่ในตำนานที่ห้องอาหาร “เรือนต้น” หรือจะนัดเพื่อนฝูงมาสังสรรค์ในบรรยากาศสบายๆ ที่มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย และพาคนรู้ใจมาแฮงก์เอ้าท์ จิบกาแฟและเครื่องดื่มเบาๆ ที่เรือนต้นก็คงจะพอคลายร้อนไปได้บ้างนะคะ
ห้องอาหารเรือนต้น ตั้งอยู่ที่อาคารฝั่งเหนือ (North Wing) โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ กรุงเทพฯ เดินทางสะดวกทั้งรถยนต์และ BTS (ศาลาแดง) MRT (สีลม) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.30 – 22.30 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่ง โทร. 02-233-7060, 094-453-2828, 094-552-8798 www.montienbangkok.com, facebook.com/montiensurawongbkk, Line : MontienHotelSurawong, Instagram : montiensurawongbkk