ประเทศไทยพร้อมโชว์ศักยภาพและความพร้อมทางการแพทย์ ในงานแสดงนิทรรศการระดับโลก WORLD EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 13 เมษายน – 13 ตุลาคม 2568

นับถอยหลังเตรียมเข้าสู่งานแสดงนิทรรศการระดับโลก WORLD EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN ที่จัดขึ้นบนพื้นที่ของเกาะยูเมะชิมะ (Yumeshima) นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 13 เมษายน – 13 ตุลาคม 2568 ภายใต้แนวคิดหลัก “Designing Future Society for Our Lives” การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านสุขภาพ และการแพทย์ เพื่อเป้าหมายชีวิตที่มีความสุขและสุขภาพดี ซึ่งการที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ไปแสดงศักยภาพสาธารณสุขไทยบนเวทีโลก ในส่วนของอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ได้พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “THAILAND Connecting Lives for Greatest Happiness” สร้างสรรค์ชีวิตเพื่อความสุขที่ยิ่งใหญ่ และ Thai-Smile Connecting Happiness World Destination ยิ้มสยามที่ก่อให้เกิดความสุขเป็นเป้าหมายปลายทางของคนทั่วโลก โดยหยิบยกเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศไทยตั้งแต่ ภูมิจากธรรมชาติ ภูมิจากวิถี วัฒนธรรม นวัตกรรม จนถึงภูมิคุ้มกันจากศักยภาพและความพร้อมด้านสาธารณสุข มาสื่อสารเพื่อเชื่อมต่อชาวโลกให้เข้าถึงภูมิปัญญา และอัตลักษณ์แบบไทยผ่านบรรยากาศของดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากร และวิถีของผู้คนที่ช่วยสร้างภูมิให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ

สำหรับอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ตั้งอยู่ในพื้นที่ A13 โซน Connecting  Lives ได้รับการจัดให้อยู่ในรูปแบบการก่อสร้างแบบ Type A หมายถึงประเทศที่ได้รับพื้นที่ขนาดใหญ่ มีการออกแบบและดำเนินการก่อสร้างเอง ทำให้สามารถสะท้อนถึงเอกลักษณ์และวัฒนธรรม ศักยภาพของประเทศไทยได้อย่างเต็มที่ โดยมีแนวคิดหลักในการออกแบบ คือ “ภูมิพิมาน ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกัน” เพื่อสะท้อนความเป็นไทยและศักยภาพสาธารณสุขไทยสู่สายตาของนานาชาติในหลากหลายมิติ ผ่านการตีความอัตลักษณ์ของไทย ซึ่งมีทั้งความงดงามและอ่อนช้อยเพื่อสอดแทรกลงไปในอาคาร ด้วยการลดทอนองค์ประกอบของศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยโบราณให้ผสานเข้ากับวิธีก่อสร้างสมัยใหม่ เช่น ใช้เทคนิคย่อมุมที่อยู่บนยอดอาคารมณฑป ซึ่งเป็นลักษณะ “ทรงจอมแห” เป็นรูปทรงของหลังคาและมีระดับสูงต่ำตามลักษณะการใช้งานของพื้นที่ภายใน เพื่อให้ใช้พลังงานและทรัพยากรเท่าที่จำเป็นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งยังสอดแทรกลวดลายจักสานของเฉลวมาประกอบเพื่อแสดงความเชื่อและภูมิปัญญาของคนไทย รวมทั้งการใช้สีสันและรูปแบบวัสดุแบบไทยๆ ที่มีความละเมียดละเอียดลออ เพื่อสะท้อนภูมิปัญญาด้านวัสดุ งานฝีมืออันประณีต ทำให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสถึงความละเมียดละไมของศิลปะสถาปัตยกรรมไทยที่ประยุกต์ใช้กับวัสดุและวิธีการก่อสร้างสมัยใหม่

รูปทรงอาคารในครั้งนี้ถูกออกแบบให้เป็นทรงครึ่งจั่วโดดเด่น สะดุดตา โดยมาจากความตั้งใจแรกที่ผู้ออกแบบได้นำความสมดุลของหน้าจั่วแบบสถาปัตยกรรมไทยมาเป็นแรงบันดาลใจ แต่ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ตั้งอาคาร ซึ่งมีหน้าแคบและลึกยาว จึงแก้ปัญหานี้ด้วยการลดทอนอาคารให้เหลือเพียงครึ่งจั่ว และสร้างผนังกระจกสูงขนาบข้างอาคารยาวตลอดแนว เกิดเป็นเทคนิคภาพสะท้อน เมื่อมองจากด้านหน้าทางเข้าหลักจะได้เห็นจั่วของอาคารที่สมบูรณ์น่าประทับใจ ในส่วนบริเวณด้านหน้าอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) ได้นำประติมากรรม “เฉลว” ตัวแทนความใส่ใจในเรื่องสุขภาพคู่กับประติมากรรม ช้าง ตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ อายุยืนยาว และสัญลักษณ์แห่งการต้อนรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีมาสคอตตัวแทนประเทศไทยมาเป็นสัญลักษณ์นำโชค โดยมีชื่อว่า “น้องภูมิใจ” ที่มีแนวคิดการออกแบบมาจาก แมงสี่หูห้าตา ที่มาพร้อมสิ่งวิเศษทั้ง 4 ได้แก่ 1. รอยยิ้มสยามมอบให้ผู้มาเยือนบ่งบอกได้ถึงตัวตนของคนไทยที่โอบอ้อมอารี มีเมตตา ที่จะต้อนรับและดูแล, 2. พรหมวิหาร 4 ประกอบไปด้วย เมตตา (ปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข) กรุณา (ใฝ่ใจปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์) มุฑิตา (ยินดีเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุขภาพดี มีคุณภาพชีวิต) อุเบกขา (มีจิตเที่ยงธรรม) ส่งเสริมมาตรฐานสาธารณสุขไทยตามแนวคิด “ภูมิ” ประเทศแห่งการกินดี อยู่ดี มีภูมิคุ้มกัน, 3. มี 4 หู 5 ตา และ 4 เฉลว โลโก้ประจำ “ภูมิพิมาน” ตัวแทนการดูแลใส่ใจด้านสุขภาพ ปักไว้ใกล้กับหม้อยาเพื่อปัดเป่าโรคา มีลักษณะคล้ายต้นไม้ ตัวแทนแห่งการประยุกต์ใช้ทรัพยากรในประเทศด้วยภูมิปัญญา ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวของประเทศไทย พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนทุกคนอย่างอบอุ่นจริงใจ

ภายในนิทรรศการแบ่งโซนจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย

ส่วนจัดแสดงที่ 1 “ภูมิวิถี” เปิดอรรถรสแห่งการเดินทางเข้าสู่ภูมิพิมาน ดินแดนที่รุ่มรวยไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม รวมทั้งความอุดมสมบูรณ์ของอาหารที่ทำให้ไทยเป็นครัวของโลก ได้แก่

  • 1 หมุดหมายสุขภาพโลก (World’s destination for healthcare and wellness)

ปักหมุดอาคารนิทรรศการไทย ร่วมทำสัญลักษณ์ถ่ายภาพเช็คอินเพื่อแชร์ “ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกัน” ให้ทั่วโลกได้รู้จักประตูบานแรกที่เปิดให้ก้าวเข้ามาสัมผัสดินแดนแห่งความกินดี อยู่ดี มีภูมิคุ้มกันสไตล์ไทยๆ โดดเด่นสะดุดตาด้วยการนำสถาปัตยกรรมไทยรูปทรง “จอมแห” มาผสมผสานให้เกิดรูปทรงหลังคาอาคารที่มีความเป็นไทยร่วมสมัย แต่ยังคงอัตลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างลงตัว โดยมี “น้องภูมิใจ” มาสคอตตัวแทนประเทศไทยรอต้อนรับทุกคนอย่างเป็นมิตร

  • 10 มนต์เสน่ห์ของประเทศไทย (Enchantments of Thailand)

บริเวณพื้นที่ด้านนอกอาคาร จัดแสดงประติมากรรมสำรับอาหารขนาดใหญ่ที่ภายในอัดแน่นไปด้วยมนต์เสน่ห์ของประเทศไทย ประกอบไปด้วย ภูมิประเทศ, ทรัพยากร, อาหาร และความเป็นอยู่แบบไทยๆ ที่คนทั่วโลกต่างหลงใหล พร้อมนำเสนอวิถีการกินอย่างไทย เช่น สำรับแซ่บไทยเมนูอาหารจากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสมุนไพรช่วยปรับสมดุลในร่างกาย สำรับภูมิดีผลผลิตเด่น, สินค้าเกษตรและผลไม้ขึ้นชื่อนานาชนิด, วิถีความเป็นอยู่อย่างไทย เช่น สำรับเทศกาลไทยประเพณีสงกรานต์ตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม รวมทั้งวิถีสุขภาพดีอย่างไทย เช่น ฤาษีดัดตน ซึ่งเป็นภูมิปัญญานวดแผนไทย ที่ได้รับการบันทึกไว้เป็นมรดกโลกปี 2019 เป็นการบริหารร่างกายของคนไทยที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งเน้นการฝึกลมหายใจและใช้สมาธิร่วมด้วย จึงเป็นทั้งการบริหารร่างกาย และบริหารจิต รวมทั้งช่วยในการบำบัดอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นได้ในระดับหนึ่ง

ร่วมตามหาเคล็ดลับอายุวัฒนะในประเทศไทย ดินแดนแห่งความมั่งคั่งด้านสุขภาพ ภายในโรงภาพยนตร์ Wisdom of life Immersive Theater ผ่าน Concert Hall มหรสพรูปแบบใหม่ที่ถ่ายทอดความงดงามของภูมิวิถี, ธรรมชาติ, ความเป็นเลิศด้านการแพทย์, การบริการ เเละรอยยิ้มของผู้คน ด้วยจอฉายภาพขนาดยักษ์สูงกว่า 5 เมตร พร้อมระบบแสงสีเสียงสุดล้ำแบบจัดเต็ม มอบประสบการณ์ที่สมจริง เกินจินตนาการ ที่ช่วยสร้างภูมิทางกายและภูมิทางใจให้แข็งแกร่ง เพราะสมดุลของ “กาย ใจ” คือความมั่นคงด้านสุขภาพที่สมบูรณ์ที่สุด

ส่วนจัดแสดงที่ 2 “ภูมิคุ้มกัน” ถ่ายทอดเรื่องราวจากภูมิวิถีแบบไทย พัฒนาสู่นวัตกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหมุดหมายใหม่ด้านการแพทย์และสุขภาพของโลก

  • 100 ศักยภาพสาธารณสุขไทย (POTENTIALITIES OF THAI PUBLIC HEALTH SYSTEM)

100 สิ่งสร้างไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพโลกเพื่อส่งมอบสุขภาพที่ดี พร้อมสร้างความเชื่อมั่นด้วยศักยภาพสาธารณสุขไทยทั้ง 4 ด้านที่จะขับเคลื่อนให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางสุขภาพโลก (Medical and Wellness Hub) ได้แก่ Medical Service Hub, Wellness Hub, Product Hub, Academic Hub รวมถึงพืชสมุนไพร Herbal Champion ที่สามารถยกระดับให้ไทยเป็นดินแดนที่พร้อมดูแลและปกป้องทุกชีวิตได้ในอนาคต

  • 1,000 สถานบริการทางการเเพทย์ (Medical Facilities) กว่า 1,000 สถานบริการเพื่อสุขภาพที่ตอบรับคนทั้งโลก ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ รักษา ฟื้นฟูตลอดจนการพักผ่อนระยะยาวที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อให้ประเทศไทยเป็นดินแดนเป้าหมายสุขภาพดีรองรับสังคมแห่งอนาคต สามารถเข้าถึงได้จากจำนวนสถานบริการทางการแพทย์ที่หลากหลาย ครอบคลุมการรักษาทุกโรคและได้มาตรฐานสากล เช่น JCI, HA ฯลฯ พร้อมแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพที่แสดงให้เห็นว่าธรรมชาติของไทยสามารถฟื้นฟูทั้งร่างกายเเละเยียวยาจิตใจได้ผ่าน Immersive Experience ของ “Thai Nature Therapy”
  • 10,000 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เรียนรู้สรรพคุณของวัตถุดิบในหลากหลายเมนูอาหารของไทย ผ่าน Interactive game มาร่วมถอดรหัส DNA อาหารไทย เป็น “ยาที่อร่อยที่สุดในโลก” รวมถึงสำรับอาหารจากภูมิปัญญาไทยทั่วทุกภูมิภาค อันหลากหลายครบรสที่แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารในทุกฤดูกาล ที่มาพร้อมสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน สู่การสร้างสรรค์เมนูอาหารเพื่อสุขภาพมากมาย

ส่วนจัดแสดงที่ 3 “ภูมิสยาม” เข้าถึงภูมิแบบไทย ผ่านการลอง ลิ้ม ชิม รสชาติหลากเมนูอาหารไทยจากครัวสาธิต เพลิดเพลินไปกับนิทรรศการหมุนเวียน อาทิ การนวดไทย, การทำถุงเครื่องหอม และอีกหลากหลายกิจกรรมตลอดระยะเวลาจัดงาน

  • 100,000 ผลิตภัณฑ์สร้างภูมิคุ้มกัน พื้นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมภูมิจากประเทศไทย ทั้งเครื่องแต่งกายของแต่งบ้าน อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าที่ระลึก รวมถึงโปรแกรมท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ที่ทุกคนล้วนเข้าถึงสุขภาพดีในแบบไทยๆ ได้
  • 1,000,000 รอยยิ้มแห่งความประทับใจ พื้นที่รวบรวมล้านความรู้สึกประทับใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ได้มีส่วนร่วมแบ่งปันรอยยิ้ม เสริมภูมิทางใจให้กับคนทั่วโลก

พร้อมกันนี้ จัดให้มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยร่วมสมัยหมุนเวียนให้ชมในแต่ละวันตลอด 6 เดือนเต็ม แบ่งเป็น การแสดงกิจกรรมประจำวัน ณ อาคารนิทรรศการประเทศไทย, การแสดงกิจกรรมพิเศษโอกาสต่างๆ, การแสดงวันเฉลิมฉลองของชาติไทย และการแสดงความสัมพันธ์ไทย – ญี่ปุ่น 138 ปี ที่จะมาสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจและความประทับใจแก่ผู้ที่มาร่วมชมงาน สำหรับแนวคิดหลักที่นำมาใช้ในเพื่อรังสรรค์ศิลปการแสดงในครั้งนี้ คือ Creative Performances ยิ้มสยามงามสู่สังคมโลก เพื่อผลักดัน Soft Power เผยแพร่ความเป็นไทยผ่านการแสดงที่เข้าถึงได้ง่ายและร่วมสมัยในสไตล์ Contemporary Fashionable ซึ่งการแสดงในแต่ละชุดนั้นจะแสดงให้เห็นภูมิวัฒนธรรมของประเทศไทยที่ผูกพัน สอดคล้องกับธรรมชาติ วิถีชีวิต และตามฤดูกาลที่หมุนเวียน ทั้งการละเล่น และประเพณีที่หลากหลาย สามารถสร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลิน รวมทั้งมอบความประทับใจให้แก่ผู้มาเข้าชมทั่วโลก ทั้งยังมีนิทรรศการและกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ จากหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาร่วมจัดกิจกรรม

จึงขอเชิญชวนทุกท่านสัมผัสเสน่ห์ของอาคารนิทรรศการไทย ในงาน WORLD EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN ระหว่างวันที่ 13 เมษายน – 13 ตุลาคม พ.ศ.2568 ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวได้ที่

  • Website: https://thailandpavilionworldexpo2025.com/
  • Facebook: Thailand Pavilion World Expo 2025
  • Instagram: thailandpavilionworldexpo2025
  • YouTube: Thailand Pavilion World Expo 2025
  • Tiktok: thailandpavilion2025
  • X: THpavilion2025
  • Line Official: Thailand Pavilion

#ThailandPavilion2025 #WorldExpo2025 #OsakaKansaiJapan #ศาลาไทย #ภูมิพิมาน