รวมความอร่อยระดับตำนาน @ ครัวเจ๊ง้อ สุขุมวิท 20
วันนี้ ‘วันดีดี’ พาคุณมากินนอกบ้านที่ร้าน ‘ครัวเจ๊ง้อ สุขุมวิท 20’ ค่ะ เดาว่าหลายคนคงเคยไปชิมกันมาบ้างแล้ว บางคนหรือบางครอบครัวอาจจะเป็นแฟนตัวยงของครัวเจ๊ง้อเลยก็ได้ แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยมาที่นี่ เราจะพาคุณเข้าครัว (เจ๊ง้อ) ไปเปิดประสบการณ์ความอร่อยแบบไม่ง้อชูรสกันค่ะ แล้วคุณจะได้คำตอบว่าทำไมครัวเจ๊ง้อถึงติดอยู่ในลิสต์รายชื่อร้านอาหารในดวงใจของนักชิมทั้งคนไทยและชาวต่างชาติมายาวนาน
จุดเริ่มต้นของ ‘ครัวเจ๊ง้อ’ มาจากความเป็นนักชิมตัวยงของเจ๊ง้อ ที่ไหนมีของอร่อยเจ๊ง้อจะไปลองชิมแล้วกลับมาทดลองทำปรับสูตรจนถูกปากทุกคน เราว่าบางเมนูอร่อยกว่าต้นตำรับซะอีก นอกจากนี้เจ๊ง้อยังเป็นคนพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหาร จะต้องเป็นวัตถุดิบที่ดีที่สุดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่บวกกับรสมือที่ดีและความใส่ใจทุกขั้นตอนนี่เอง ที่ทำให้อาหารร้านครัวเจ๊ง้อทุกจานอร่อยโดยไม่ต้องพึ่งผงชูรสเลย นั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คนกินข้าวนอกบ้านอย่างเรากินได้อย่างสบายใจ ไม่รู้สึกผิดว่ากินอาหารอร่อยแล้วต้องเสี่ยงกับผงชูรสรึเปล่า
ครัวเจ๊ง้อมีกว่าสิบสาขาทั่วกรุงเทพฯ สาขาแรกอยู่ที่สี่พระยา เปิดมาแล้ว 16 ปี วันนี้เราพามากินที่สาขาสุขุมวิท 20 ซึ่งได้ข่าวว่า “มิชลินไกด์” ฉบับกรุงเทพฯ ยกย่องให้ครัวเจ๊ง้อ สาขาสุขุมวิท 20 เป็นร้าน Bib Gourmand หมายถึงร้านอาหารชั้นดีในราคายุติธรรม โดยคณะกรรมการมิชลินไกด์ได้ตัดสินให้ ‘ผักผักบุ้งฝอย’ และ ‘ปูผัดพริกไทยดำ’ เป็นรายการอาหารดีเด่นของร้านครัวเจ๊ง้อสาขานี้อีกด้วย
ร้านครัวเจ๊ง้อตั้งอยู่ท้ายซอยสุขุมวิท 20 ห่างจากปากซอยประมาณ 500 เมตร แม้จะอยู่ใจกลางย่านธุรกิจ แต่เมื่อก้าวเข้ามาในอาณาเขตของร้านครัวเจ๊ง้อ เหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่ง บรรยากาศเงียบสงบ ไม่รู้สึกถึงความจอแจเลย ตัวร้านเป็นอาคารชั้นเดียวห้อมล้อมด้วยอาคารสูง ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนบ้านหลังใหญ่ มีที่จอดรถกว้างขวาง ภายในร้านตกแต่งสไตล์จีนร่วมสมัย แบ่งเป็น 2 โซน คือ Main Dining Room บรรจุโต๊ะกลมใหญ่ได้ 17 โต๊ะ / 170-200 ท่าน และห้องจัดเลี้ยง Banquet Room บรรจุโต๊ะกลมใหญ่ได้ 12 โต๊ะ / 120-144 ท่าน ด้วยความที่ตั้งอยู่ในโซนสุขุมวิท จึงมีนักชิมชาวฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์และญี่ปุ่น แวะเวียนมาอุดหนุนกันเนืองแน่นทุกวัน
ครัวเจ๊ง้อมีรายการอาหารหลากหลายมาก ทั้งอาหารไทย จีน ซีฟู้ด ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสั่งอะไรดี แนะนำเมนูที่ได้รับรางวัลการันตีความอร่อยกันก่อนเลย ‘ผัดผักบุ้งฝอย’ เมนูฮอตฮิตติดดาวของครัวเจ๊ง้อที่ทุกโต๊ะต้องสั่ง เป็นเมนูง่ายๆ ทำกินที่บ้านได้ แต่ทำไมต้องสั่ง เพราะเขาคัดเฉพาะยอดอ่อนของผักบุ้งไทย นำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ ผัดกับกระเทียมและพริกด้วยไฟแรงพอสลด ง่ายๆ แต่อร่อยด้วยฝีมือของแม่ครัวโดยไม่ง้อชูรสเลยค่ะ
อีกหนึ่งเมนูที่ได้รับรางวัล Michelin Plate ปี 2018 คือ ‘ปูผัดพริกไทยดำ’ เมนูนี้บอกเลยว่าชาวต่างชาติชื่นชอบมาก เป็นหนึ่งในลิสต์ที่ต้องมากินให้ได้ เพราะเขาคัดเฉพาะปูทะเลตัวโตเป็นพิเศษส่งตรงมาที่ร้านทุกวัน ปูเป็นๆ สด ใหม่ เนื้อแน่น นำมาสับเป็นชิ้นแล้วทอดจนได้ที่ จึงนำมาผัดกับซอสพริกไทยดำจนซึมเข้าเนื้อ เสิร์ฟร้อนๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศและพริกไทยดำ เมนูนี้เผ็ดร้อนนิดหนึ่ง แต่เข้ากันดีกับความหวานของเนื้อปูสด เนื้อแน่น ก้ามโต อร่อยคุ้มราคาแบบไม่ต้องบินไปกินไกลถึงต่างแดนเลย
อีกหนึ่งเมนู ถ้าไม่สั่งถือว่ามาไม่ถึงครัวเจ๊ง้อ คือ ‘เส้นหมี่ผัดผักกระเฉด’ กินที่ไหนก็ไม่ถูกปากเท่าที่นี่ เพราะฉะนั้นทุกโต๊ะต้องสั่งค่ะ เมนูนี้เจ๊ง้อได้ไอเดียมาจากตอนไปชิมยอดผักกระเฉดไฟแดงที่อรัญประเทศแล้วติดอกติดใจ เลยกลับมาลองทำ โดยนำผักกระเฉดมาผัดกับเส้นหมี่แล้วใส่กุ้งสดลงไป เคล็ดลับอยู่ที่ต้องใช้ผักกระเฉดน้ำหนึ่ง หมายถึงผักกระเฉดแรกผลิที่เก็บเกี่ยวครั้งแรก โดยต้นหนึ่งจะใช้แค่ยอดกระเฉดเท่านั้น เจ๊ง้อยังคัดสรรแหล่งปลูกผักกระเฉดคุณภาพดีที่สุดนั่นคือปราจีนบุรี นำมาผัดกับเส้นหมี่ ปรุงรสด้วยซอสมะขามและมันกุ้ง ชอบตรงเส้นหมี่ไม่แฉะ ผักกระเฉดกรอบ และกุ้งสดเด้งดึ๋ง เป็นเมนูที่นักชิมยกให้เป็น 1 ใน 5 ร้านที่อร่อยที่สุดในโลก ล่าสุด Michelin Plate ปี 2019 การันตีความอร่อยของเส้นหมี่ผัดผักกระเฉดอีกแรง
จานต่อไปเจ้าของร้านแนะนำให้ลองกิน ‘เย็นตาโฟผัดแห้ง’ ฟังดูธรรมดาใช่ไหมคะ แต่ร้านครัวเจ๊ง้อสามารถทำให้พิเศษ ด้วยการคัดสรรแต่วัตถุดิบชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึกกรอบ ลูกชิ้นปลา เต้าหู้ขาว ผักบุ้ง เกี๊ยวกรอบ เรียกว่าเครื่องแน่นมาก ที่ไม่ธรรมดาคือน้ำซอสที่ราดเป็นสูตรพิเศษของทางร้าน กินแล้วติดใจจริงๆ ค่ะ คราวหน้าลองเปลี่ยนอารมณ์จากเย็นตาโฟหม้อไฟร้อนๆ มาเป็นเย็นตาโฟแห้งดูนะคะ บอกเลยถึงเครื่องมากๆ
อีกเมนูโปรดของเจ้าของร้านคือ ‘ข้าวผัดปลาแซลมอนเค็ม’ เมนูไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เพราะใช้เนื้อปลาแซลมอนมาทำเป็นปลาเค็ม ซึ่งทางร้านทำเองทุกขั้นตอน จึงมั่นใจว่าสะอาด ถูกอนามัย แต่ความพิเศษอยู่ที่การปรุง ข้าวผัดเม็ดร่วน คลุกเคล้ากับปลาแซลมอนเค็ม แฮม กุ้ง เห็ดหอม ผัดด้วยไฟแรงหอมกรุ่น รสชาติกลมกล่อม เห็นไหมว่าไม่ธรรมดาจริงๆ
ไปต่อกันที่ ‘ไข่เจียวปู’ จานนี้ง่ายอีกแล้ว ใครๆ ก็ทำกินที่บ้านได้ แต่แนะนำให้ลองมากินที่นี่ ไข่เจียวทอดมาแบบฟูๆ หนาๆ กรอบนอกนุ่มใน มองดูอาจธรรมดา แต่ลองตัดออมาชิม โว้ย เนื้อปูล้วนๆ ค่ะ จานนี้สมราคา 400 บาท เนื้อปูแน่นมาก
จานต่อไปขอสั่งแบบที่ตัวเองชอบบ้าง ‘แฮ่กึ้นทอด’ บอกเลยกินที่ไหนก็ไม่เหมือนที่นี่ แฮ่กึ้นลูกโตมาก ทอดมาเหลืองกรอบกำลังพอดี กัดเข้าไปไส้ปูทะลักค่ะ กินกับน้ำจิ้มบ๊วย ฟินมากๆ จานนี้ให้สิบคะแนนเลยค่ะ
อาหารไทยที่นี่ก็ขึ้นชื่อนะคะ เพราะมีครัวไทยด้วย ลองสั่ง ‘ยำผักบุ้งทอดกรอบ’ ก่อนเลย จานนี้ควรสั่งมาเป็นออเดิฟค่ะ เพราะมันกรุบกรอบจนลืมความเป็นผักบุ้งไปเลย กินกันเพลิน หมดจานไม่รู้ตัว น้ำจิ้มก็แซ่บหลาย ขอลองยำต่อนะคะ ‘ยำส้มโอทรงเครื่องกุ้งสด’ เมนูนี้กินแล้วสดชื่นมาก ส้มโอหวานฉ่ำตัดกับน้ำยำรสแซ่บ นัวมาก กระซิบนิดนึงว่า ‘ส้มตำปูไข่ดอง’ ที่นี่ก็อร่อยนะคะ คราวหน้ามาต้องลองสั่ง
ถ้าอยากรู้ว่าอาหารไทยที่นี่เจ๋งแค่ไหน ต้องลองสั่งเมนูแห่งชาติอย่าง ‘แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย’ น้ำแกงเข้มข้นมากค่ะ ถึงเครื่องแกงและกะทิ ปลากรายก็เหนียวหนึบ ไม่ผสมแป้งเลย ที่สำคัญปรุงรสได้กลมกล่อมกำลังดี ไม่เผ็ดเวอร์ ทานคู่กับขนมจีน ไข่ต้ม…ยกนิ้วให้เลยค่ะ
อย่าอร่อยเพลินจนพุงกาง เก็บท้องไว้สำหรับของหวานด้วยนะคะ เมนูของหวานขึ้นชื่อของร้านครัวเจ๊ง้อที่มาแล้วต้องสั่งคือ ‘เผือกหิมะ’ ความอร่อยอยู่ตรงที่เขาใช้เฉพาะใจกลางของเผือกเท่านั้น เนื้อเผือกจึงนุ่ม ร่วน ไม่มีเสี้ยนเลย เผือกหนึ่งลูกปอกแล้วน้ำหนักหายไปเกือบครึ่ง แต่เพื่อความอร่อยต้องยอมทิ้งไปค่ะ นำเผือกไปผัดกับน้ำตาลจนเป็นเกล็ดหิมะ เห็นน้ำตาลขาวโพลนแบบนี้ รสชาติไม่หวานจัด รับประทานคู่กับชาจีนร้อนๆ เข้ากันได้ดีทีเดียว แนะนำว่าต้องกินตอนร้อนๆ ที่ร้านนะคะ ซื้อกลับบ้านไม่อร่อยแน่ แถมให้อีกหนึ่งเมนู ‘แปะก๊วยนมสดมะพร้าวอ่อน’ หอม นวล เนียน ละมุนมาก ไม่พูดมาก เจ็บคอ กินเลยดีกว่า
ร้านครัวเจ๊ง้อยังมีเมนูอาหารแนะนำอีกมากมาย อาทิ ‘ขาห่านอบบะหมี่’ ใช้ขาห่านนำเข้าจากยุโรป ขาใหญ่ เนื้อเยอะ ต้มกับพะโล้จนเข้าเนื้อ ‘ปลาผัดเจ้าสัว’ เนื้อปลาบู่ผัดกับกระเทียมโทน ต้นหอม พริกไทยดำ หรือจะเป็น ‘กั้งทอดกระเทียม’ ‘กุ้งอบวุ้นเส้น’ ‘หอยเชลผัดซอส XO’ ‘ปูผัดผงกระหรี่’ ‘เย็นตาโฟหม้อไฟ’ ฯลฯ รับรองว่าทุกเมนูใช้วัตถุดิบอย่างดี พิถีพิถันทุกขั้นตอนการปรุง ตามคอนเซ็ปต์ของครัวเจ๊ง้อ
ขอให้นิยาม ‘ร้านครัวเจ๊ง้อ’ ว่า ‘เหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่าย’ อาหารทุกจานดูธรรมดา แต่กินแล้วไม่ธรรมดาเลยค่ะ ชอบตรงที่เจ๊ง้อนำอาหารที่พวกเราคุ้นเคยกันทุกบ้านมาปรุงให้เป็นอาหารระดับภัตตาคาร โดยไม่ต้องประดิดประดอยมาก แต่อร่อยด้วยรสชาติแท้ๆ ของวัตถุดิบนั้นๆ โดยไม่ต้องพึ่งผงชูรสเลย นั่นแหละ ‘เสน่ห์ปลายจวัก’ ของ ‘ครัวเจ๊ง้อ’ ที่ทำให้ทุกคนติดอกติดใจจนต้องกลับมากินอีกครั้งและอีกครั้ง
ครัวเจ๊ง้อ สาขาสุขุมวิท 20 เลขที่ 68/2 ถนนสุขุมวิท 20 กรุงเทพฯ โทร.0 2258 8008-9
เปิดบริการ วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 11.30-14.30 และ 17.30 -22.30 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 11.30 – 22.30 น. Website http://www.jengorsukhumvit.com
